รมช.ศึกษาธิการ เปิดงาน "วันมหกรรมวิชาการอัสสลาม ครั้งที่ 1"

ข่าวทั่วไป Monday January 19, 2015 16:30 —สำนักโฆษก

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานวันมหกรรมวิชาการอัสสลาม ครั้งที่ 1 (1st Assalam Assembly Day) "สู่ .. ครูผู้สร้างประชาชาติ" เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2558 (หรือวันที่ 26 รอบีอุ้ลเอาวัล ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1436) จัดโดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟาฏอนี ร่วมกับสมาคมเครือข่ายโรงเรียนคุณภาพอัสสลาม โดยมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภามหาวิทยาลัยฟาฏอนี ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี กงสุลใหญ่อินโดนีเซียและมาเลเซียประจำจังหวัดสงขลา รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) คณาจารย์ และนักศึกษาเข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน ที่มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จ.ปัตตานี

หากจะดูแลเด็กสักคน ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน

ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ กล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดว่า การศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา หรือ “All for Education” ดังภาษิตแอฟริกันที่ว่า “หากจะดูแลเด็กสักคน ต้องใช้คนทั้งหมู่บ้าน” ซึ่งการศึกษาในปัจจุบันไม่ได้หมายถึงสอนวิชาความรู้เพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงกระบวนการทักษะต่างๆ ต่อการใช้ชีวิตของผู้เรียนด้วย การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและการปฏิรูปประเทศ แต่ในปัจจุบันเด็กๆ ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งคุณค่าและนิสัย เพราะฉะนั้น "ครู" จึงต้องมีการปรับตัวเป็นอย่างมากที่จะสร้างคนยุคใหม่เหล่านี้

การจัดการศึกษาให้คำนึงถึงอนาคต ไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัย

นอกจากนี้ โลกในอนาคตของไทยจะกลายเป็นสังคมสูงวัย ในอีก 20 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีจำนวนผู้สูงวัย หรือผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณร้อยละ 10 ของประชากรไทย แต่ในอนาคตจะมีจำนวนมากถึง 1 ใน 3 ซึ่งจะส่งผลถึงอายุประชากรที่ยืนยาวขึ้น มีการเปลี่ยนงาน หรือการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นศิษย์ของเราในศตวรรษที่ 21 ก็จะไม่ใช่คนในวัยเรียนเท่านั้น แต่จะเป็นคนวัยทำงานอีกกว่า 35 ล้านคน รวมทั้งคนที่เกษียณจากการทำงานแล้ว ฉะนั้นหน้าตาของสถาบันการศึกษาในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันไปโดยสิ้นเชิง

          Fatoni University :          มหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์รวมนักวิชาการมุสลิมคุณภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
          โลกเปลี่ยนแปลงไป          มีผลถึงกระบวนการแสวงหาความรู้ใหม่ของประเทศไทย

ขณะเดียวกัน ในอนาคตจะมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่ฉลาด (Smart) ขึ้น เช่นปัจจุบัน Smartphone หรือ Tablet ต่างเข้ามามีบทบาทต่อผู้คนมากขึ้น ต่างจากอดีตที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเท่านั้น ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มอายุสามารถใช้งานได้ง่ายมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาการทางด้านอินเทอร์เน็ต ที่จะทำให้โลกทั้งโลกจะมีอินเทอร์เน็ตของทุกอย่าง จะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารกันได้หมด โดยสภาพแวดล้อมจากสื่อใหม่จะส่งผลให้การใช้งานไม่เป็นเพียงตัวอักษรเท่านั้น แต่จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารทั้งตัวอักษร ภาพ เสียง การ์ตูน ฯลฯ เช่นระบบไลน์ในปัจจุบัน ที่จะส่งผลให้เกิดการคิดแบบใหม่ๆ และมีองค์กรที่ซับซ้อนขึ้น ส่งผลให้มีทั้งกลุ่มคนหลากหลายวัยทั้ง X-Gen,Y-Gen,Selfie-Gen อันทำให้ทักษะในการทำงานก็จะเปลี่ยนแปลงไปด้วย รวมทั้งการสอนที่จะต้องให้เด็กๆ เข้าใจการคิดลึกกว่าสิ่งที่เห็นได้ หรือมี Sense Making คิดแบบมีตรรกะมากขึ้น ให้เด็กมีความสามารถในการเข้าใจคน ปรับตัวได้ รู้เท่าทันหรือควบคุมสื่อสมัยใหม่ให้ได้ ในอนาคตการทำงานจะไม่ได้จำกัดเฉพาะที่เท่านั้น แต่คนอยู่ละที่ก็สามารถทำงานร่วมกันได้ ปัจจัยใหม่ๆ เหล่านี้จะทำให้คนรุ่นใหม่แตกต่างไปจากคนรุ่นปัจจุบัน แต่กระบวนการแสวงหาความรู้ใหม่ของประเทศไทยไม่ได้หมายถึงต้องเริ่มจากศูนย์ แต่สามารถดูบทเรียนจากประเทศอื่นๆ ได้

เผยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ควรมี 3R 7C 2L

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้จัดทำโครงการ INTREND โดยนำเสนอแนวโน้มสำคัญในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน 3 ประการ คือ 1) ทิศทางกระบวนการเรียนรู้ใหม่ 2) ทิศทางเนื้อหาการเรียนรู้ใหม่ และ 3) ทิศทางระบบบริหารจัดการใหม่ เพื่อสร้างทักษะสำคัญในการดำรงชีวิตมากกว่าวิชาความรู้ เช่น ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (3R 7C 2L) 3R คือ ทักษะพื้นฐาน ได้แก่ การอ่าน (Reading) การเขียน (Writing) และการคิดคำนวณ (Arithmetic) 7C คือ ทักษะเท่าทันโลก ได้แก่ การมีวิจารณญาณ (Critical thinking & problem solving) ความสร้างสรรค์ (Creativity & innovation) การทำงานเป็นทีม (Collaboration & teamwork & leadership) ความเข้าใจพหุวัฒนธรรม (Cross-cultural understanding) การสื่อสารเป็น (Communication, information & media literacy) ความรู้เท่าทันเทคโนโลยี (Computing & media literacy) ความพร้อมด้านอาชีพ (Career & learning self-reliance change) และ 2L คือ ทักษะการเรียนรู้และความเป็นผู้นำ (Learning & leadership)ในการดำเนินการจัดการความรู้แบบ 3R 7C 2L จะใช้ห้องเรียนสมัยใหม่ที่ไม่ใช่ห้องเรียนแบบเดิมอีกต่อไป จะไม่มีการสอนโดยที่ครูเป็นผู้สื่อสารทางเดียว แต่ต้องเป็นการสอนที่ทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ (Interactive) ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ใหม่ ได้แก่ 1) การเรียนรู้บนฐานปัญหา (Problem-Based Learning) เพื่อเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และการแก้ปัญหา 2) การเรียนรู้บนฐานการวิจัย (Research-Based Learning) เป็นการสอนให้ถามและตอบคำถาม เพื่อกระตุ้นความใฝ่รู้และทักษะ 3) การเรียนรู้คู่กับการทำงาน (Work-Based Learning) เพื่อเสริมทักษะความพร้อมด้านอาชีพไปพร้อมกับการเรียน และ 4) การเรียนรู้คู่กับการบริการ (Service Learning) เพื่อสร้างทักษะชีวิตและจิตสำนึกในหน้าที่ต่อสังคม

(1st Assalam Assembly Day) "สู่ .. ครูผู้สร้างประชาชาติ"

ย้ำให้ครูต้องปรับตัวโดยใช้เนื้อหาความรู้แบบใหม่ในการจัดการเรียนการสอน

ครูต้องใช้เนื้อหาความรู้แบบใหม่ในการจัดการเรียนการสอน เช่น การสอนเพื่อให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกันในสังคม การสร้างประชากรที่มีความหมายและมีคุณค่าต่อสังคมในอนาคต ในสหรัฐอเมริกามีการเรียนการสอนวิชาอนาคตศึกษา ซึ่งใช้หลักการ เหตุผล เหตุการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งประวัติศาสตร์ในการทำนายและวิเคราะห์อนาคต นอกจากนี้ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่อยู่ในเขตภัยพิบัติ มีการเรียนการสอนวิชาภัยพิบัติศึกษา เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภัยพิบัติให้กับประชาชน

จะเห็นได้ว่าทั้งสองวิชาเป็นการเรียนการสอนที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มสาระวิชาหลักการเรียนรู้ เพื่อสร้างทักษะการทำงานให้พร้อมกับการประกอบอาชีพ ต้องมีการจัดทำแผนที่อาชีพ (Occupation Plan) โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละพื้นที่ สหรัฐอเมริกามีการจัดการศึกษาทางเลือก ที่เรียกว่า Career Academy เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอาชีพควบคู่กับการปฏิบัติจริง เป็นการสร้างชีวิตการทำงาน ให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าและความสำคัญของการทำงาน สามารถบริหารจัดการการเงิน เศรษฐศาสตร์ในชีวิตประจำวัน การลงทุน ฯลฯ โดยมีรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนให้ความร่วมมือ

ควรเน้นการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ รัฐบาลควรเป็นเพียงผู้ให้บริการทางการศึกษา

การจัดระบบการศึกษาใหม่ในหลายประเทศ มีการกระจายอำนาจลงไปสู่รัฐบาลท้องถิ่น เน้นการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ เพราะแต่ละพื้นที่มีความต้องการและความซับซ้อนต่างกัน ผู้จัดการศึกษาจะต้องเข้าใจต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในแต่ละพื้นที่ก่อนการจัดสรรงบประมาณ เพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการจัดสรรงบประมาณ รัฐบาลจะต้องเปิดโอกาสให้สาธารณชนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ด้วยการเปิดเวทีสาธารณะ อีกทั้งรัฐบาลกลางจะลดบทบาทจากการเป็น “ผู้จัดการศึกษา” กลายเป็น “ผู้ให้บริการทางการศึกษา” เป็นแนวคิดที่คล้ายกับการรักษาพยาบาลที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นจะต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลเท่านั้น แต่สามารถเข้ารักษาในคลินิกเครือข่ายที่อยู่ในระบบได้ด้วยเช่นกัน

การศึกษาในลักษณะเชิงพื้นที่จะต้องปรับหลักสูตร วิธีการวัดและประเมินผลที่หลุดไปจากการจัดการศึกษาแบบ “เสื้อเบอร์เดียว” คือ การจัดการศึกษาจะต้องมีความยืดหยุ่น ในการปฏิรูปครู ต้องเปลี่ยนมโนทัศน์ของครู การจัดการเรียนการสอนจะต้องเปลี่ยนจากการศึกษาทางวิชาการเป็นการศึกษาเพื่อสร้างอาชีพให้กับผู้เรียน ซึ่งไม่ได้มาจากประชากรในวัยเรียนเท่านั้น แต่รวมถึงวัยทำงานและผู้สูงวัยด้วย ประชากร 2 ใน 3 ของประเทศไทยอยู่ในวัยทำงานและมีการศึกษาไม่สูงนัก ระบบการศึกษาของไทยไม่เปิดโอกาสให้บุคคลกลุ่มนี้กลับเข้ามาในระบบได้อีก ดังนั้นจะต้องหาทางนำผู้ที่อยู่ในวัยทำงานกลับเข้ามาในระบบการศึกษาเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศต่อไป

รมช.ศึกษาธิการ เปิดงานมหกรรมวิชาการอัสสลาม ครั้งที่ 1

ความสำเร็จปฏิรูปการศึกษา ไม่ใช่เพียงผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แต่อยู่ที่จัดการศึกษาไปสู่การดำรงชีวิต มีงานทำ สัมมาชีพ และเรียนรู้ตลอดชีวิต

การปฏิรูปการศึกษาจะสำเร็จได้ ทุกคนต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่า ความสำเร็จของผู้ที่มีการศึกษาคือผู้ที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดี ครูสมัยใหม่ต้องเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน สอนทักษะชีวิต ให้ผู้เรียนรู้จักโลกของการทำงาน ครูจะไม่เป็นเพียงผู้ให้ความรู้เท่านั้น แต่ต้องเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจ เป็นนักจัดการการเรียนรู้ นักแนะแนว ดังนั้น จะต้องมีการลงทุนเรื่องการพัฒนาครูอย่างจริงจังด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ ไม่ใช่การฝึกอบรมแบบระบบโรงแรมที่ใช้เวลาฝึกอบรมในโรงแรมเพียงไม่กี่ชั่วโมง ครูจะต้องเป็นผู้สอน (Coach) ซึ่งความสามารถในการเป็นผู้สอนที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนปริญญา

วิธีการพัฒนาครูให้ได้ผลรวดเร็ว คือให้ครูได้รับการพัฒนาร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างแรงจูงใจ รู้จักจริตของผู้เรียน รู้ถึงความพร้อมและความต้องการของผู้เรียน โดยการจัดกิจกรรมทางเลือกเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาผู้เรียน ครูต้องรู้จักและสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษา รวมถึงการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างครูด้วยกันโดยไม่จำเป็นต้องพบกัน เป็นชุมชนครูบนโลกไซเบอร์

การสร้างผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 จะต้องจัดการศึกษาที่นำไปสู่การดำรงชีวิต การมีงานทำ มีสัมมาชีพ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต ถือเป็นเป้าหมายใหม่ที่ใหญ่กว่าการเรียนเพื่อให้ได้ปริญญา

เยี่ยมชมนิทรรศการความก้าวหน้าของ University Fatoni

ผศ.ดร.อิสมาอีลลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี กล่าวว่า การจัดงานมหกรรมครั้งนี้ เพื่อต้องการประกาศเจตนารมณ์ พันธกิจ ของคณะศึกษาศาสตร์ และการจัดการศึกษาของมหาวิทยาลัยฟาฏอนี ให้มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชนอิสลามแห่งแรกในประเทศไทย โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดวิทยาลัยอิสลามยะลา ซึ่งเป็นชื่อเดิมในขณะนั้น เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2547 จนกระทั่งปี 2554 ได้เปลี่ยนชื่อและประเภทเป็นมหาวิทยาลัยอิสลามยะลา จนกระทั่งวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ได้รับอนุญาตให้เปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยฟาฏอนี (Fatoni University) จนกระทั่งปัจจุบัน ได้เปิดสอนในระดับปริญญาตรี-ปริญญาเอก คือ คณะอิสลามศึกษา รวมทั้งคณะศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คณะศึกษาศาสตร์ รวมทั้งศูนย์ภาษาอาหรับ ภาษาอังกฤษ และมลายู

ปัจจุบันมีนักศึกษาจากประเทศในเอเชีย 14 ประเทศ กว่า 4,000 คน ปัจจุบันถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์รวมนักวิชาการมุสลิมคุณภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นสมาชิกของสมาพันธ์มหาวิทยาลัยอิสลามโลกด้วย

กุณฑิกา พัชรชานนท์

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน/ถ่ายภาพ

17/1/2558

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ