วันนี้ (21 ม.ค.58) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 ครั้งที่ 1/2558 โดยมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม โดยภายหลังการประชุม ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุม ที่ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร สรุปสาระสำคัญดังนี้
ในวาระประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ นายกรัฐมนตรีพูดถึงการขับเคลื่อนทั้งในระดับนโยบายและการปฏิบัติในเรื่องการส่งเสริมปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 โดยนายกรัฐมนตรีได้มองทั้งในส่วนของผู้ประกอบการคือบริษัททัวร์ เอเย่นต์ต่าง ๆ มองในแง่ของเจ้าหน้าที่ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เรื่องการอำนวยความสะดวก การให้ความเป็นธรรม รวมทั้งประชาชน ชุมชนที่อยู่โดยรอบสถานที่ท่องเที่ยว และร้านค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ท่องเที่ยวที่หน่วยงานต้องให้ความสำคัญ รวมทั้งมองในส่วนของผู้รับบริการ ลูกทัวร์ที่เข้าไปใช้บริการหรือเข้าไปท่องเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่าคณะกรรมการควรให้ความสำคัญกับเรื่องการดำเนินยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องดำเนินให้สอดคล้องกับแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย ทำให้เกิดการท่องเที่ยวในลักษณะเป็นคลัสเตอร์ต่าง ๆ การจัดการท่องเที่ยวเป็นแพ็คเกจที่เหมาะสำหรับกลุ่ม เช่น การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น ให้กลุ่มต่าง ๆ เหล่านี้เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน และนายกรัฐมนตรีบอกว่าจากนี้ไปอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยว โดยให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ไม่ใช่ปล่อยให้ภาคเอกชนเดินหน้าฝ่ายเดียวเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีอยากให้คณะกรรมการให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัย แรงงานที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงเรื่องวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยว ผู้เข้ามาประชุม ผู้เข้ารับการรักษาพยาบาลในประเทศไทย โดยต้องคำนึงถึงปัจจัยเรื่องความมั่นคงพร้อมกันไปด้วย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบรายงานผลการดำเนินงานและการเตรียมการปีท่องเที่ยววิถีไทย 2558 ที่มีเป้าหมายสร้างรายได้ 2.2 ล้านล้านบาท กระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้คนไทยรักและภูมิใจในความเป็นไทย สำหรับพิธีเปิดปีท่องเที่ยววิถีไทยเมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่ามีจำนวนคนเข้าชมขบวนแห่ประมาณ 50,000 คน Offline Media ทั้งในและต่างประเทศครอบคลุม 330 ล้านคน Online Media มียอดชมแล้วกว่า 15 ล้านคน การถ่ายทอดสดผ่าน You Tube ผู้ชม 16,500 คน เวลาชม 155,000 นาที จาก 50 ประเทศ ผลการจัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยที่จัดระหว่าง 14-18 ม.ค.ที่ผ่านมามีผู้เข้าร่วมงาน 600,000 คน รายได้หมุนเวียน 230 ล้านบาท ครอบคลุมการรับสื่อ 45 ล้านคน ด้านแผนการดำเนินการด้านการตลาดและประชาสัมพันธ์ ด้านตลาดต่างประเทศมีเป้าหมายนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 2558 จำนวน 27.8 ล้านคน จำนวนเงิน 1.4 ล้านล้านบาท และจะมีการร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนในการนำเสนอขายการท่องเที่ยวในมิติใหม่ สำหรับตลาดต่างประเทศเป้าหมายแต่ละไตรมาสคือ ไตรมาส 1 (ม.ค.-มี.ค.) กับไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ในพื้นที่อเมริกา ยุโรปเหนือ เอเชียใต้ ไตรมาส 2 (เม.ย.-มิ.ย.) กับไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.) ในพื้นที่ยุโรปใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาใต้ และโอเชเนีย และพื้นที่เป้าหมายตลาดต่างประเทศตลอดทั้งปีคือบริเวณเอเชียตะวันออก ขณะที่พื้นที่เป้าหมายสำหรับนักทัศนาจรในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์คือพื้นที่อาเซียน ทั้งนี้ ในตลาดต่างประเทศจะมีการนำสื่อประชาสัมพันธ์ออกในทุกช่องทาง และส่งเสริมตลาดร่วมกับพันธมิตร โดยเรื่องสินค้าทางการท่องเที่ยวที่จะนำเสนอคือ 1) 7 สินค้าวิถีไทย ทั้งเรื่องอาหารไทย ศิลปะไทย วิถีชีวิตไทย สุขภาพดีแบบไทย เทศกาลไทย ความเชื่อและภูมิปัญญาไทย และสนุกแบบไทย 2) 12 เมืองต้องห้าม...พลาด ที่ ททท. กำลังดำเนินการการประชาสัมพันธ์อยู่ กับ 22 เส้นทางสายดอกไม้ (Dream Destination) 3) กิจกรรมท่องเที่ยววิถีไทย 12 เดือนที่เป็นคำแนะนำเรื่องการท่องเที่ยวประเทศไทยในกิจกรรมต่าง ๆ ช่วงเวลา 1 ปี ซึ่งที่ตลาดต่างประเทศจะมีการจัดกิจกรรม Mega Event ทั้งหมด 12 กิจกรรม
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงตลาดในประเทศว่า มีเป้าหมายนักทัศนาจรคนไทยตลอดปี 148 ล้านคนครั้ง รายได้รวม 8 แสนล้านบาท สร้างกระแสการเดินทางภายใต้ Theme “ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร” กระตุ้นการเดินทางโดยใช้กิจกรรม 12 เดือน ส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรให้เดินทางไปยัง 12 เมืองต้องห้าม...พลาด รวมถึง 22 เส้นทางสายดอกไม้ และส่งเสริมการเดินทางวันธรรมดา ทั้งนี้ ในตลาดในประเทศจะมีการประกวดภาพถ่าย Thainess Photo Contest ร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ รางวัลมูลค่ารวมกว่า 820,000 บาท ระหว่างวันที่ 21-30 มิ.ย.58 นอกจากนี้ จะมี Application แบ่งปันความสุขขอบคุณที่เที่ยวเมืองไทย และประกวดชิงรางวัล ให้ผู้เข้าร่วมประกวดดาวน์โหลด Application ถ่ายภาพ แต่งภาพด้วยสติ๊กเกอร์ของดีแต่ละจังหวัด แชร์ภาพแล้วส่งชิงรางวัล ซึ่งเป็นความร่วมมือกับดีแทค ทรู และเอไอเอส รวมทั้งจะมีโครงการส่งเสริมการขาย วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และเทศกาลเที่ยวเมืองไทยภูมิภาค
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ททท. ได้ขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ และได้รับแจ้งโครงการที่สามารถสนับสนุนปีท่องเที่ยววิถีไทยรวม 13 หน่วยงาน สามารถนำไปขยายผลทางการตลาดได้ 29 ประเด็น โดยที่ประชุมได้พิจารณาให้มีการดำเนินการเพิ่มเติม 5 ประเด็นซึ่งจะเป็นปัจจัยนำความสำเร็จของปีท่องเที่ยววิถีไทยในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก และ 12 เมืองต้องห้าม...พลาด คือ 1. ด้านความสะอาด หมายถึงการมีอนามัยที่ดีเป็นระเบียบไม่รกรุงรัง และไม่มีทัศนะอุจจาด 5 ประเด็นคือ Street Food ห้องน้ำ บริเวณสาธารณะ จัดระเบียบชายหาด ปรับปรุงระบบการจัดการขยะ น้ำเสีย 2. ด้านการอำนวยความสะดวก หมายถึงความสะดวกในการเข้าประเทศไทย แหล่งท่องเที่ยว และความสะดวกสบายในการเยี่ยมชม 10 ประเด็นคือ Multiple Entry Visa เพิ่มความเร็วในการออก Visa และ Visa on Arrival สำหรับกลุ่ม Mice และกลุ่ม Medical Tourist Single Visa สำหรับ ASEAN เพิ่มความเร็วในการตรวจคนเข้าเมือง จัดให้มี ASEAN Fast Lane ที่ด่านชายแดนและสนามบิน การผลักดันการใช้รถไทยวิ่งในอาเซียนได้ ทำป้ายชี้ทางมาตรฐาน ทำระบบขนส่งสาธารณะในต่างจังหวัด ขยายเส้นทางการบินตรงสู่ภูมิภาค ทำทางลาดสำหรับคนพิการ 3. ด้านความปลอดภัย หมายถึงการลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุ หลอกลวง ทำร้าย และการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว 7 ประเด็น คือ บังคับใช้กฎหมาย ลงโทษ ผู้ทำผิดกฎหมายขนส่งทางบก-ทางน้ำ กำหนดโซนนิ่งเจ็ตสกี เรือลากร่ม สปีดโบ๊ตและการดำน้ำ บังคับใช้กฎหมาย ลงโทษผู้ที่หลอกลวงนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะแท็กซี่สนามบิน บริษัทนำเที่ยวและสายการบิน สร้างเครือข่ายการดูแลความปลอดภัยในท้องถิ่น ผลักดันให้เกิด One Stop Service ขอความร่วมมือกองทัพเรือในการพยาบาลและขนย้ายนักท่องเที่ยวที่ประสบอุบัติเหตุท่องเที่ยวทางทะเล ให้มีหน่วยพยาบาลเบื้องต้นที่สนามบินทุกแห่ง 4. การต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยมิตรไมตรี และความเป็นไทย 3 ประเด็น คือ รณรงค์ให้คนไทยยิ้ม มีน้ำใจ ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว และตกแต่งบ้านเรือนตามอัตลักษณ์ของท้องถิ่น รณรงค์ให้คนไทยแต่งกายตามเอกลักษณ์ท้องถิ่น โดยขอเชิญชวนให้คนไทยเป็นเจ้าภาพที่ดีต้อนรับแขกผู้มาเยือน พนักงานบริการที่สนามบิน และ ตม. ให้บริการนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้ม เต็มใจต้อนรับ 5. ให้การสนับสนุนในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ โดยการเผยแพร่โลโก้ปีท่องเที่ยว วิถีไทย หรือ Discover Thainess ในทุกช่องทาง ทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง 8 ประเด็น คือ การบินไทย ขอให้ Wrap เครื่องบิน เผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาใน In-flight VDO เผยแพร่บทความในหนังสือสวัสดี (In-flight Magazine) ขอให้ รฟท. Wrap ตู้รถไฟ ขอให้ ขสมก. Wrap รถโดยสารประจำทาง บริษัทขนส่ง จำกัด ติดสติ๊กเกอร์ที่รถโดยสารของบริษัททุกคน ให้ทุกจังหวัดติดโลโก้ทุกกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว และให้กรมประชาสัมพันธ์กับกระทรวงกลาโหมเผยแพร่สปอตโฆษณาผ่านสื่อในสังกัดทุกช่องทาง
นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการดำเนินงานระดับปฏิบัติ 4 คณะ ประกอบด้วย 1. คณะอนุกรรมการดำเนินงานส่งเสริมสินค้าและบริการ 2. คณะอนุกรรมการดำเนินงานด้านส่งเสริมตลาดต่างประเทศ 3. คณะอนุกรรมการดำเนินงานด้านส่งเสริมตลาดในประเทศ 4. คณะอนุกรรมการดำเนินงานด้านประชาสัมพันธ์ โดยให้เพิ่มฝ่ายประเมินผลและติดตาม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้มีการปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการทั้ง 4 คณะให้เหมาะสมอีกครั้ง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงสรุปข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีพูดถึงเรื่องการส่งเสริมตลาดน้ำ เช่น ตลาดน้ำวัดไทร ที่กรุงเทพมหานครรับไปส่งเสริมอยู่ โดยนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและอยากให้ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีไทยดังกล่าว รวมถึงส่งเสริมการขายอาหาร สินค้า บนเรือตามลำคลองอย่างที่เคยมีมาในอดีต ส่งเสริมดูแลแม่น้ำลำคลองให้มีความสะอาด รวมทั้งให้บูรณาการทุกภาคส่วน ทั้ง อบต. อบจ. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดูแลเรื่องความปลอดภัย ให้ท้องถิ่นดูแลเรื่องไฟฟ้าส่องสว่างให้เรียบร้อย รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมดูแลเรื่องรถ เรือโดยสารของนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด และให้พิจารณาเพิ่มความปลอดภัยของการขับรถโดยสาร รถทัวร์ขนาดใหญ่ แนวทางนำระบบจีพีเอสมาใช้ นอกจากนี้มีเรื่องการดำเนินกระบวนการยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น การทำร้ายนักท่องเที่ยว ที่กระบวนการดำเนินการยังมีความล่าช้าอยู่ บางกรณีนักท่องเที่ยวก็เดินทางกลับไปก่อน นายกรัฐมนตรีจึงได้ฝากให้กระทรวงยุติธรรมไปดูแลเรื่องนี้ ส่วนเรื่องวีซ่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ ททท. ประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศุลกากร สรุปแนวทางเพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้ทุกหน่วยงานชี้แจงกับประชาชนในทุกชุมชนที่เกี่ยวข้องให้ร่วมมือกันส่งเสริมความสงบเรียบร้อย ลดความขัดแย้ง ขอให้ทุกฝ่ายจับมือกันให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ ส่งเสริมการเป็นเจ้าบ้านที่ดีต้อนรับนักทัศนาจรจากต่างประเทศ และดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ตนเอง ซึ่งทั้งหมดนี้ นายกรัฐมนตรีอยากจะส่งเสริมให้มีความร่วมมือในระดับท้องถิ่นอย่างจริงจัง ให้ประชาชนในท้องถิ่นมีส่วนร่วม มีความตระหนักในการเป็นเจ้าของพื้นที่ ต้อนรับแขกที่มาเยือนด้วยมิตรไมตรี
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th