การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิก ซึ่งประกอบด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และราชอาณาจักรไทย เพื่อพิจารณานโยบายและการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission: MRC) การบริหารจัดการองค์กร และความร่วมมือด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ส่งมอบตำแหน่งประธานคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงให้กับ นาย เหวียน มิน กวาง (Mr. NGUYEN MINH QUANG) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และได้กล่าวถ้อยแถลงโดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือที่ได้ดำเนินการมาเป็นระยะเวลายาวนานถึง ๒๐ ปี นับตั้งแต่ประเทศสมาชิกได้มีการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน (Mekong Agreement 1995)
เมื่อวันที่ ๕ เมษายน ๒๕๓๘ ณ จังหวัดเชียงราย ประเทศไทย โดยที่ประเทศไทยเห็นควรที่กระชับความร่วมมือให้เข้มแข้ง และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้มากยิ่งขึ้น และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเชื่อมโยงการดำเนินงานกับองค์กรภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะความร่วมมืออนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) และอาเซียนซึ่งกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปลายปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ทั้งนี้ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาคต่อไป
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้ร่วมกับคณะมนตรีฯ ในการอนุมัติงบประมาณ ประจำปี ๒๕๕๘ พร้อมทั้งรับทราบความก้าวหน้าของการศึกษาการจัดการและการพัฒนาแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน (Council study) และได้เร่งรัดให้การศึกษาเป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจระดับนโยบายของประเทศสมาชิกในการพัฒนาโครงการในพื้นที่ลุ่มน้ำโขง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงแผนการถ่ายโอนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ให้กับประเทศสมาชิก ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเป็นองค์กรที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในปี พ.ศ. ๒๕๗๓ (ค.ศ. ๒๐๓๐) ตลอดจนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการปรึกษาล่วงหน้า (Prior Consultation) สำหรับการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำดอนสะโฮงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประเทศสมาชิกเห็นว่ามีความสำคัญและจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส และสามารถรับฟังความเห็นของทุกภาคส่วนในระยะเวลาที่เหมาะสม ให้มีการศึกษาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาในการดำเนินการตามกระบวนการปรึกษาล่วงหน้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของผลกระทบต่อการประมง และความหลายหลายทางชีวภาพ
นอกจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมยังได้มีโอกาสหารืออย่างไม่เป็นทางการกับผู้แทนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และได้ถือโอกาสขอข้อมูลในเรื่องของปริมาณและการไหลของน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มเติม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศไทยประสบกับปัญหาวิกฤตน้ำแล้ง โดยได้ทำความเข้าใจกับจีนในประเด็นสถานการณ์วิกฤต เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ซึ่งฝ่ายจีนได้รับที่จะพิจารณาในประเด็นดังกล่าว
ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยคณะมนตรีฯ จากประเทศสมาชิก ได้เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (H.E. HOANG TRUNG HAI) โดยได้มีการหารือกันถึงความร่วมมือที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาค นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามยังได้เชิญรัฐมนตรีฯ พร้อมผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปเยี่ยมชมกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามด้วย โดยรัฐมนตรีของทั้ง ๒ ประเทศได้มีการหารือกันถึงความร่วมมือที่ผ่านมา และได้ตกลงที่กระชับความร่วมมือในการดำเนินงานระหว่าง ๒ กระทรวง ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยอาจจะมีการพัฒนาเพื่อจัดทำ MOU ร่วมกันต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th