ว่าที่ร้อยตรีศรัณย์ กล่าวว่า จากทั้ง ๓ กรณี ได้แก่ เด็กหญิง ๘ คนพี่น้อง อายุ ๔-๑๔ ปี ใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก ต้องอดมื้อกินมื้อ เนื่องจากแม่ผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวถูกจับดำเนินคดี ส่วนพ่อมีร่างกายพิการ ไม่สามารถประกอบอาชีพได้หาเลี้ยงครอบครัวได้ ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี และกรณีชายอายุ ๓๘ ปี ร่างกายพิการถูกตัดขาทิ้งทั้ง ๒ ข้าง อาศัยอยู่กับแม่ ที่แก่ชรา และลูกๆจำนวน ๔ คน ใช้ชีวิตอย่างลำบาก ทางบ้านมีฐานะยากจน ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และอีกกรณีหญิงชราอายุ ๖๕ ปี ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลานทั้ง ๓ คน อายุ ๗ ขวบ ๔ ขวบ และ ๒ ขวบ เนื่องจากพ่อและแม่เด็กเสียชีวิต อาศัยอาชีพเก็บผักขายเพื่อเลี้ยงดูหลานไปวันๆ หลานคนกลางประสบอุบัติเหตุถูกรถชน อาการสาหัส ไม่รู้สึกตัว หลานสาวคนเล็ก พิการตาบอดทั้ง ๒ ข้างและกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง ซึ่งทั้ง ๔ ชีวิตไม่มีบ้านพักอาศัย ต้องอาศัยต่อสังกะสีจากเพื่อนบ้านเป็นเพิงนอน ที่จังหวัดสระบุรี ตนได้กำชับให้เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั้ง ๓ จังหวัด (สนง.พมจ.)เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลของพ่อเด็กทั้ง ๒ กรณี และเด็กที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชน รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กในระยะยาวต่อไป
ว่าที่ร้อยตรีศรัณย์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ กรุงเทพมหานคร และผู้ว่าฯกรุงเทพ จัดทำลิฟต์ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสทั้ง ๒๓ สถานี และให้จัดทำอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวก พร้อมติดสัญลักษณ์คนพิการไว้ ทั้งในและนอกตัวรถที่จัดให้สำหรับคนพิการ ทั้งนี้ให้ดำเนินการตามคำสั่งศาลให้แล้วเสร็จภายใน ๑ ปี นั้น กระทรวงฯ ขอให้หน่วยงานต่างๆ ให้ความสำคัญและคำนึงถึงการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ ผู้พิการ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีการยื่นฟ้องดังกล่าวขึ้นอีกในอนาคต
"นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เน้นย้ำถึงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการ ค้ามนุษย์ โดยได้กำหนดแผนการดำเนินงานการจัดระเบียบขอทานทั่วประเทศในวันที่ ๒๖–๓๐ มกราคม ๒๕๕๘ ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นรูปธรรมมากขึ้น” ว่าที่ร้อยตรีศรันย์ กล่าวตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th