นายพรชัย รุจิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ASEAN Telecommunications and IT Ministers Meeting หรือ ASEAN TELMIN) เป็นการประชุมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนาความร่วมมือด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมถึงระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU โดยครอบคลุมการพัฒนาทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร การลดช่องว่างทางดิจิทัล การส่งเสริมนวัตกรรม การกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม เป็นต้น
ทั้งนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนจะหมุนเวียนเป็นเจ้าภาพเรียงลำดับตามอักษรชื่อประเทศ และครั้งนี้ประเทศไทยจะทำหน้าที่การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม โดยไทยจัดต่อจากประเทศสิงคโปร์ และผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีที่กำกับดูแลด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโส และเจ้าหน้าที่ของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน ดารุสซาลาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม และของคู่เจรจา ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี อินเดีย สหภาพยุโรป รวมถึงผู้แทนเลขาธิการสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และครั้งนี้เลขาธิการอาเซียนได้ตอบรับที่จะมาร่วมประชุมด้วย รวมจำนวนผู้เข้าร่วมการประชุมประมาณ 300 คน
นอกเหนือจากการประชุมแล้ว จะมีการประกาศผลรางวัล ASEAN ICT Award ด้วย โดยการจัดประกวดรางวัล ASEAN ICT Awards ได้จัดต่อเนื่องกันมาเป็นครั้งที่ 3 เพื่อส่งเสริมเรื่องของนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ด้าน ไอซีที ทั้ง Hardware, Software และ Service โดยแต่ละประเทศได้คัดเลือกผลงานนวัตกรรมด้านไอซีที และส่งเข้าประกวดและแข่งขันกับประเทศสมาชิกอื่นๆ โดยรางวัลนี้ จะแบ่งเป็น 6 ประเภท คือ Public Sector, Private Sector, Digital Content, Corporate Social Responsibility, Startup company และ Research and Development อีกด้วย
นายพรชัย รุจิประภา กล่าวอีกว่า นอกจากที่ประเทศไทยจะทำหน้าที่การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมแล้ว ยังจะทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยประเทศไทยจะเสนอและผลักดันประเด็นการพัฒนาด้านไอซีทีสำหรับภูมิภาคอาเซียนในเรื่องต่างๆ ได้แก่
- การพัฒนาบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-servcies) ทั้งภายในประเทศและระหว่างอาเซียน เพื่อประชาชนอาเซียนและภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้อย่างไร้รอยต่อ
- สนับสนุนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภายในอาเซียน โดยส่งเสริมผ่านกรอบแนวทางการสนับสนุนและส่งเสริมการทำธุรกรรมที่มีความมั่นคงปลอดภัยในอาเซียน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและผู้ใช้บริการ
- ส่งเสริมความร่วมมือเรื่องความมั่นคงปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ของการใช้สื่อสังคมออนไลน์อย่างเหมาะสม ผ่านการแลกเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน
- พัฒนาการสร้างทักษะความเชี่ยวชาญแรงงานด้านไอซีทีของอาเซียน โดยส่งเสริมการจัดทำมาตรฐานทักษะบุคลากรและยกระดับความเชี่ยวชาญของบุคลากรไอซีที
การประชุมหารือในครั้งนี้จะนำอาเซียนและประเทศไทยไปสู่เป้าหมายตามแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan 2015 ใน 4 เรื่อง คือ ไอซีทีจะเป็นเครื่องมือหรือกลไกสำคัญที่จะผลักดันการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้อาเซียน (ICT as an engine for growth) และอาเซียนจะกลายเป็นศูนย์กลางทางด้านไอซีทีของโลกแห่งหนึ่ง (Global ICT Hub) และคุณภาพชีวิตของประชาชนอาเซียนจะได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น (Enhanced quality of life for peoples of ASEAN) ทั้งยังใช้ไอซีทีในการส่งเสริมการรวมตัวกันของอาเซียนให้แน่นแฟ้นขึ้นในอนาคต (Contribution towards ASEAN integration)
นอกจากความร่วมมือระหว่างอาเซียนแล้ว ยังมีความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) จะมีส่วนสนับสนุนอาเซียนรวมถึงประเทศไทยด้วยโดยจะให้การสนับสนุนด้านงบประมาณในการดำเนินโครงการของอาเซียน การพัฒนาและอบรมบุคลากรไอซีทีของอาเซียน ถ่ายทอดความรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน
“สำหรับการจัดประชุมครั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ได้มีการหารือ คือเรื่องของการจัดทำแผนแม่บท ASEAN ICT Masterplan ฉบับที่ 2 ซึ่งแผนฉบับแรก คือ ASEAN ICT Masterplan 2015 จะสิ้นสุดในปี 2558 นี้ ดังนั้น อาเซียนจะช่วยกันจัดทำแผนแม่บทด้านไอซีที เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หลังปี 2558 และรองรับประเด็นท้าทายที่เป็น Mega Trend ไอซีทีใหม่ ๆ เช่น การจัดการข้อมูล (Big Data) การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Privacy) และ Cloud Computing เป็นต้น โดยแผนแม่บทไอซีทีอาเซียนฉบับที่ 2 จะเป็นแนวทางสำหรับประเทศไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนในการพัฒนาด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะมีการกำหนดยุทธศาสตร์ในระยะ 5 ปีข้างหน้า ซึ่งน่าจะครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับ การเป็น ASEAN Single Market การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาบุคลากร นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานทางสารสนเทศ การรวมกลุ่มของประชาชนอาเซียนโดยใช้ไอซีที สื่อและเนื้อหาสาระ ( New Media และ Digital Content) และความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ เป็นต้น” นายพรชัย รุจิประภา กล่าวสรุปในตอนท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th