งานแถลงข่าวครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Scenery, Scene, Seen on Screen”เพื่อเผยแพร่ความงามของทัศนียภาพของประเทศไทยที่เคยปรากฎผ่านภาพยนตร์หลากหลายที่ฉายไปทั่วโลก ตลอดจนเสนอทัศนียภาพใหม่ๆ สำหรับใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ ระหว่างวันที่ 4-12 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งสอดคล้องกับปีท่องเที่ยววิถีไทย โดยภาพยนตร์ที่ถ่ายทำในไทยมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่วิถีไทย จนทำให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว เช่น ภาพยนตร์เรื่อง “เดอะบีช” นอกเหนือจากกองถ่ายที่เข้ามาถ่ายทำสร้างรายได้ให้กับคนไทยนับพันล้านบาท
ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น ฉายภาพยนตร์ที่เคยถ่ายทำในประเทศไทย จำนวน 10 เรื่อง จาก 8 ประเทศ เช่น PERNICIOUS จากสหรัฐอเมริกา ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในเอเชีย LAST FLIGHT จากจีน THE PRINCE AND ME : THE ELEPHANT ADVENTURE จากสหรัฐอเมริกา และ THE RAILWAY MAN จากออสเตรเลีย ที่กวาดรายได้มาแล้วทั่วโลก ซึ่งหลังการฉายทุกเรื่องจะมีการเสวนาจากโปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนั้นๆ ตั้งแต่วันที่ 7-11กุมภาพันธ์นี้ วันละ 2 เรื่อง ที่สยามพารากอน
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันภาพยนตร์สั้นนานาชาติ “Amazing Thailand Film Challenge” จากนักศึกษาทั่วโลก รวม 36ทีม ที่ลงพื้นที่ 12 เมืองต้องห้ามพลาด โดยแต่ละทีมจะมีนักศึกษาไทยทีมละ 1 คน รวมถึงยังเพิ่มการมีส่วนร่วมด้วยการให้ส่งภาพถ่ายเซลฟีตัวเองกับสถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาด ทางอินสตาแกรม และแฮชแท็กมาที่ #TIFDF2015 หรือ#DOTThailand เพื่อร่วมประกวดผลงานภาพถ่ายของตัวเอง และเป็นส่วนหนึ่งของความภาคภูมิใจในประเทศไทย โดยผู้ชนะจะได้ร่วมเดินบนพรมแดงในงานปิดเทศกาลฯ พร้อมทั้งตั๋วเครื่องบินเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ 12 รางวัล รางวัลละ 1 ที่นั่ง
ทั้งนี้ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยทำรายได้จากกองภาพยนตร์ต่างชาติ 1,934.18 ล้านบาท ซึ่งประเทศอังกฤษสร้างรายได้ให้มากที่สุด รองลงมา คือ สหรัฐอเมริกา อินเดีย จีน และฮ่องกง โดยในปีนี้คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th