วันนี้ (30 ม.ค.58) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(ผอ.กอ.รมน.) ได้เป็นประธานการจัดงานสรุปผลการปฎิบัติงาน ประจำปี 2557และแถลงแผนการปฎิบัติงาน ประจำปี 2558 ของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พร้อมมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยึดถือเป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงานร่วมกันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมีประสิทธิภาพและสัมทฤทธิ์ผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน โดยมีคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด และผู้แทนส่วนราชการด้านความมั่นคง เข้าร่วมงาน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวมอบนโยบายเรื่องการเดินหน้าเรื่องความมั่นคงว่า วันนี้ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และได้ดูแลงานด้านความมั่นคงมาอย่างต่อเนื่องโดยตลอดและมีประสบการณ์ในการที่จะขับเคลื่อนการป้องกันประเทศและการรักษาความมั่นคงภายในให้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วภายใต้เวลาที่มีอยู่ปัจจุบัน ทั้งนี้การที่ได้มาพบปะกับทุกคนสิ่งแรกที่ต้องการคือขอให้ทุกคนได้ร่วมกันในการที่จะสร้างประวัติศาสตร์ให้ประเทศ โดยทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าอย่างยั่งยืน และไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาอีก
ขณะเดียวกันสิ่งที่ทุกคนจะต้องทำความเข้าใจคือหน้าที่ความรับผิดชอบ พันธกิจและภารกิจของกอ.รมน. ซึ่งหน้าที่ของ กอ.รมน. คือเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษเพื่อขับเคลื่อนบูรณาการประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร และการบริหารราชการกลไกปกติ ทั้งนี้การทำงานของ กอ.รมน.ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จะต้องมีการทำงานที่ประสานสอดคล้องกับระเบียบบริหารราชการปกติและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งมีหน้าที่ความรับผิดชอบและสวมหมวกหลายใบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนในการบริหารราชการแผ่นดิน และงานของ กอ.รมน. ผู้ว่าราชการจังหวัด มีฐานะเป็น ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ขณะที่การปฏิหน้าที่ในภาคใต้ก็หน้าที่ดูแลรับผิดชอบโดยสวมหมวกของผู้ปฏิบัติในส่วนของ ศอ.บต. อีกหน้าที่หนึ่ง ดังนั้นตรงนี้จึงมีความจำเป็นและเหตุผลในการที่จะแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดต่าง ๆ ต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเหล่านั้น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทุกคนยังเป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีหน้าที่ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้ามาเป็นรัฐบาลเฉพาะกาลว่า เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาและขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ปฏิรูปประเทศ และทำให้ประเทศเกิดความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง เพื่อปูรากฐานของประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทุกคนจะต้องจำไว้เสมอคือวันนี้เรามีเวลาจำกัดในการเดินหน้าประเทศ และสร้างความเข้มแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบราชการ เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้ภายใต้ขีดความสามารถที่ตนเองมีอยู่ ดังนั้นช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ทุกคนจะต้องแสดงขีดความสามารถออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ที่ชัดเจนให้ได้ ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถเพียงใดในการที่จะขับเคลื่อนบริหารรากชารแผ่นดินตามนโยบายของรัฐบาลได้เป็นอย่างดีและมีประสิทธิผลเป็นรูปธรรมที่จัดเจน ภายใต้ความพึงพอใจของประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และวิสัยทัศน์ของประเทศคือ “มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” โดยเฉพาะให้นำปัญหาของประชาชนมาเป็นโจทย์ในการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณและต้องทำงานบูรณาการให้ประสานสอดคล้องเชื่อมโยงกันทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้ตรงกับความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง และเป็นไปอย่างรวดเร็วในการที่จะขับเคลื่อนงบประมาณลงไปในพื้นที่อีกด้วย
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th