นายกรัฐมนตรีกล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า การประชุมคณะกรรมการข้าวครั้งนี้เป็นการประชุมนอกสถานที่ครั้งแรก พร้อมกล่าวแสดงความชื่นชมการดำเนินงานที่เข้มแข็งของสหกรณ์การเกษตรอำเภอพิมาย ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ในส่วนของรัฐบาลได้ดำเนินงานตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรมาโดยตลอด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยเฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าว แต่ต้องยอมรับว่าความเดือดร้อนของเกษตรกรนั้น เกิดจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน สำหรับปัจจัยภายในประเทศเราต้องช่วยกันสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจภายในประเทศเกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบต่อประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ ข้าราชการและเกษตรกรต้องร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อยกระดับให้เศรษฐกิจของประเทศมีความเข้มแข็ง และดีขึ้น พร้อมกล่าวว่า ขอให้ร่วมกันสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชเกษตรที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยเฉพาะการปลูกข้าวต้องเน้นปลูกข้าวที่มีคุณภาพ เหมาะสมกับปริมาณน้ำ เพื่อให้ขายได้ราคาสูง สำหรับแห่งใดปลูกข้าวแล้วไม่ได้คุณภาพก็ให้มีการส่งเสริมไปปลูกพืชชนิดอื่นแทน
สำหรับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ต้องสร้างการรับรู้ให้เกษตรกรว่ารัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะมาตรการการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเพราะมีปัญหาเรื่องฐานข้อมูลของเกษตรกร ทำให้การจ่ายเงินล่าช้าไม่เป็นตามเป้าหมาย ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้องทำงานบูรณาการตั้งคณะทำงานเพื่อทำฐานข้อมูลของประชาชน โดยให้แยกประเภทใส่ฐานข้อมูลให้ครบถ้วน อาทิ รายได้ อาชีพ ทำการเกษตรประเภทไหน จำนวนพื้นที่เท่าไหร่ สถานะบุคคลอ้างอิงหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก พร้อมกับให้แนวคิดให้ติดแถบสีที่บัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้รู้ว่าอยู่ในประเภทไหนเพื่อง่ายแก่การให้ความช่วยเหลือของภาครัฐให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรงจากการช่วยเหลือให้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2558 นี้
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
นราวุธ /รายงาน
ลัดดา / ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th