พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีคนร้ายที่เป็นชายฉกรรจ์ อายุประมาณ ๓๐ ปี มีพฤติกรรมออกก่อเหตุข่มขืน และชิงทรัพย์ ในพื้นที่จังหวัดนครปฐมและสมุทรสงคราม โดยผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นหญิงสูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียว บางรายที่ขัดขืน จะถูกฆ่าเสียชีวิต ซึ่งเมื่อล่าสุดวันที่ ๒๕ ม.ค.ที่ผ่าน มีหญิงชราอายุ ๗๐ ปี ตกเป็นผู้เสียหายถูกข่มขืนอีก ครั้งนี้เป็นรายที่ ๑๐ ที่จังหวัดนครปฐม ทั้งนี้ ตนมีความห่วงใยผู้สูงอายุในเขตพื้นที่ดังกล่าวและบริเวณใกล้เคียงมาก จึงกำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครปฐม (พมจ.นครปฐม)และนักจิตวิทยา เร่งลงพื้นที่เยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหายและครอบครัวอย่างเร่งด่วน พร้อมให้นำผู้เชี่ยวชาญเข้าไปแนะนำการดูแลช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นของผู้สูงอายุกรณีเกิดเหตุร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีก และกรณีลูกชายอายุ ๓๐ ปี ทำร้ายร่างกายแม่ อายุ ๖๑ ปี ซึ่งพิการตามองไม่เห็นและมีฐานะยากจน เนื่องจากแม่ ทวงเงินค่าฝากไปซื้อข้าวสาร แต่ไม่ได้ไปซื้อให้ ที่จังหวัดสระแก้ว ตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระแก้ว (พมจ.สระแก้ว)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมเยียวยาสภาพจิตใจ ผู้เป็นแม่ และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลออย่างต่อเนื่องต่อไป
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า กรณี ครอบครัวสุดรันทด อาศัยอยู่ด้วยกัน ๔ ชีวิต พ่ออายุ ๕๗ ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งปอด ระยะสุดท้าย แม่อายุ ๔๗ ปี ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ลูกชายคนโตอายุ ๗ ขวบ ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระดูกที่ขา ต้องคว้าน เบ้าสะโพก และตัดกระดูกขาข้างขวาทิ้ง ส่วนลูกชายคนเล็กอายุ ๕ ขวบ ปกติไม่ได้เป็นโรค โดยก่อนหน้านี้ลูกสาวคนโตอายุ ๓๑ ปี ที่เป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว เพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคร้ายเช่นกัน ทำให้ทั้ง ๔ ชีวิตที่เหลือต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ที่จังหวัดสุโขทัย และกรณีสองสามี-ภรรยา อายุ ๕๗ ปี และ ๖๗ ปี ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์และอัมพาต ไม่สามารถเดินได้ อาศัยอยู่กันตามลำพังที่เพิงสังกะสีใต้ถุนบ้านน้องสาว มีฐานะยากจน ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พมจ.) ทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีกกรณีพบสองเด็กหญิง อายุ ๑๔ ปี และ ๙ ปี อาศัยอยู่กันตามลำพัง นานกว่า ๕ ปี เนื่องจากพ่อเสียชีวิต และแม่ถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำ ทำให้ทั้งสองชีวิตต้องรับจ้างเก็บน้ำยางพารา และเศษยางขายเพื่อเลี้ยงชีวิต ก่อนไปเรียนทุกวัน มีรายได้เพียงวันละ ๔๐-๕๐บาท/วัน หากช่วงไหนฝนตกเจ้าของสวนไม่ได้กรีดยาง เด็กทั้งสองคนก็จะขาดรายได้ ที่จังหวัดตรัง ตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตรัง(พมจ.ตรัง)ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กในระยะยาวต่อไป
"ขอชื่นชมในความมีน้ำใจช่วยเหลือสังคม กรณีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บริเวณชุมชนโมลาวรรณ ๑ แยกศรีนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ที่ขึ้นป้ายไม่เก็บค่าโดยสารใดๆ จากผู้โดยสารที่มีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป และขอยกย่องให้เป็นตัวอย่างในการส่งเสริมให้คน ทำความดี ทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น”พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th