รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี2557

ข่าวทั่วไป Thursday January 29, 2015 11:35 —สำนักโฆษก

“เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า จากเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการส่งออกสินค้า ขณะที่เศรษฐกิจด้านอุปทานผ่านภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัว ดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัว”

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลังในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ว่า “เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยสะท้อนเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า จากเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ ทั้งจากการบริโภค การลงทุน และภาคการคลัง รวมถึงการส่งออกสินค้า ขณะที่เศรษฐกิจด้านอุปทานจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัว” ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดในรายละเอียดพบว่า

การบริโภคภาคเอกชนในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ที่แม้ว่ายังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือนธันวาคม 2557 และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 แต่พบว่ามีสัญญาณดีขึ้น โดยขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 ต่อเดือน และ 1.3 ต่อไตรมาสเช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ยังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หดตัวชะลอลงจากการปรับตัวดีขึ้นของยอดขายรถจักรยานยนต์ในส่วนภูมิภาค สอดคล้องกับปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง ขยายตัวร้อยละ 10.3 ต่อเดือน และขยายตัวร้อยละ 0.2 ต่อไตรมาส สะท้อนการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนที่เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม 2557 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 70.5 ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 อยู่ที่ระดับ 69.6 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 69.3 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะเม็ดเงินที่สนับสนุนเกษตรกร รวมถึงโครงการลงทุนซ่อมสร้างต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างงานของแต่ละท้องถิ่น และราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวลดลง

การลงทุนภาคเอกชนในเดือนธันวาคม 2557 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนธันวาคม 2557 กลับมาขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2557 หลังจากที่มีการขยายตัวเป็นบวกเมื่อเดือนกันยายน 2557 โดยขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 12.0 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับกับเดือนก่อนหน้า ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.6 ต่อปี หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่อไตรมาส สะท้อนทิศทางการฟื้นตัว หลังสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ประกอบกับไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการใหม่ ส่งผลให้จำนวนที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยอดขายปูนซิเมนต์ในเดือนธันวาคม 2557 กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบปี โดยขยายตัวร้อยละ 0.2 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 0.1 ต่อเดือน อย่างไรก็ดี ยอดขายปูนซิเมนต์ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ยังคงหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -4.8 ต่อปี และ -1.8 ต่อไตรมาส สำหรับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น ในเดือนธันวาคม 2557 สะท้อนจาก ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนธันวาคม 2557 ที่กลับมาขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.9 ต่อปี และร้อยละ 8.2 ต่อเดือน แต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ยังคงหดตัวร้อยละ -3.1 ต่อปี และ -1.4 ต่อไตรมาส ขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -16.1 ต่อปี แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ร้อยละ 3.9 ต่อเดือน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 หดตัวร้อยละ-15.8 ต่อปี แต่ขยายตัวร้อยละ 0.5 ต่อไตรมาส

สถานการณ์ด้านการคลังในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 (ไตรมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2558) สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย ผ่านการขาดดุลงบประมาณ โดยรัฐบาลขาดดุลงบประมาณในเดือนธันวาคม 2557 จำนวน -83.6 พันล้านบาท มาจากการจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) ได้จำนวน 170.4 พันล้านบาท ขณะที่เบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือนธันวาคม 2557 ได้จำนวน 270.7 พันล้านบาท ทำให้ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558 มีอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณเท่ากับร้อยละ 29.8 ของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2558 (2.575 ล้านล้านบาท) และมีการขาดดุลงบประมาณเท่ากับ -344.6 พันล้านบาท

สำหรับอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าในเดือนธันวาคม 2557 และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 กลับมาขยายตัวอีกครั้ง อยู่ที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี และ 1.6 ต่อปี ตามลำดับ โดยตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ได้แก่ อาเซียน-9 สหรัฐ และทวีปออสเตรเลีย โดยมีสินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ สินค้าในหมวดอุตสาหกรรมเกษตร ยานพาหนะ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเม็ดพลาสติก

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมว่า สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัวโดยภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ในเดือนธันวาคม 2557 หดตัวเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าสามารถขยายตัวได้ที่ร้อยละ 3.6 ต่อเดือน ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หดตัวร้อยละ -2.4 ต่อปี และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าขยายตัวได้ที่ร้อยละ 2.7 ต่อไตรมาส โดยอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ได้แก่ อุตสาหกรรมวิทยุโทรโทรทัศน์ เครื่องแต่งกาย และเคมีภัณฑ์ เป็นสำคัญ สำหรับภาคบริการ สะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.84 ล้านคน ซึ่งนับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 อยู่ที่ร้อยละ 11.8 ต่อปี และคิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 4.6 ต่อเดือน โดยนักท่องเที่ยวจากจีนและมาเลเซียมีสัดส่วนสูงสุดโดยขยายตัวร้อยละ 66.4 และ 33.2 ต่อปี ตามลำดับ ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 7.45 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 7.0 ต่อปี และขยายตัวร้อยละ 13.9 ต่อไตรมาสอย่างไรก็ดี ภาคเกษตรกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -4.8 ต่อปี ตามการลดลงของผลผลิตในหมวดธัญพืชเป็นสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปี รวมทั้งผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสับปะรดโรงงานที่ปรับตัวลดลง ทำให้ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 หดตัวร้อยละ -3.5 ต่อปี และหดตัวร้อยละ-0.8 ต่อไตรมาส

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี และเสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง สามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง มาอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ต่อปี จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.6 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 2.20 แสนคน สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศถือว่าอยู่ในระดับมั่นคง สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 157.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.7 เท่าอันจะสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้

เอกสารแนบ

รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557

“เศรษฐกิจไทยในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า จากเศรษฐกิจด้านอุปสงค์ ทั้งจากการใช้จ่ายภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงการส่งออกสินค้า ขณะที่เศรษฐกิจด้านอุปทานผ่านภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัว”

1. การบริโภคภาคเอกชนในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 มีสัญญาณดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าสะท้อนได้จากจากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนธันวาคม 2557 ที่แม้ว่าจะกลับมาหดตัวที่ร้อยละ -1.9 ต่อปี แต่เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA) พบว่า สามารถขยายตัวได้ร้อยละ 0.9 ต่อเดือนจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศ ขยายตัวร้อยละ 0.8 ในขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้ายังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -5.5 ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ หดตัวร้อยละ -0.9 ต่อปี แต่เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (q-o-q SA) พบว่าขยายตัวได้ร้อยละ 1.3 ต่อไตรมาส สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงหดตัวชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ -3.3 ต่อปีและเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 5.2 ต่อเดือน ตามการปรับตัวดีขึ้นของยอดขายรถจักรยานยนต์ในส่วนภูมิภาค ที่หดตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์หดตัวชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าที่ร้อยละ -7.8 ต่อปี สอดคล้องกับปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนธันวาคม 2557 ที่ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -28.0 ต่อปีแต่เมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 10.3 ต่อเดือน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งหดตัวร้อยละ -27.9 ต่อปี ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 0.2 ต่อไตรมาสสำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม2557 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 70.5 ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความต่อเนื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลโดยเฉพาะเม็ดเงินที่สนับสนุนเกษตรกร รวมถึงโครงการลงทุนซ่อมสร้างต่างๆ ซึ่งจะมีผลต่อการจ้างงานของแต่ละท้องถิ่น และราคาน้ำมันภายในประเทศปรับตัวลดลง ทำให้ราคาต้นทุนสินค้าปรับตัวลดลง ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 69.6 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 69.3 นอกจากนี้ ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคในเดือนธันวาคม 2557 ขยายตัวถึงร้อยละ 18.3ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 9.6 ต่อเดือน ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557ปริมาณการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวร้อยละ 8.7 ต่อปี ต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าและเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 7.8 ต่อไตรมาส

2. การลงทุนภาคเอกชนในเดือนธันวาคม 2557มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นโดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนในหมวดก่อสร้างสะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนในเดือนธันวาคม 2557กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 2.9 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก พบว่าขยายตัวร้อยละ 8.2 ต่อเดือนอย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนยังคงหดตัวร้อยละ -3.1 ต่อปีขณะที่ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2557 หดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -16.1 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก (m-o-m SA)พบว่า ขยายตัวร้อยละ 3.9 ต่อเดือนทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวร้อยละ -15.8 ต่อปี ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 0.5 ต่อไตรมาสสำหรับการลงทุนหมวดภาคเอกชนในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนธันวาคม 2557 กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 12.0 ต่อปี และนับเป็นการขยายตัวเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2557 หลังจากที่มีการขยายตัวเป็นบวกเมื่อเดือนกันยายน 2557 และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 14.0 ต่อเดือน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวได้ร้อยละ 1.6 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 5.5 ต่อไตรมาสเช่นเดียวกับยอดขายปูนซิเมนต์ในเดือนธันวาคม 2557 ที่กลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกของปี 2557 โดยขยายตัวร้อยละ 0.2 ต่อปีและเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ 0.1 ต่อเดือนอย่างไรก็ตามในไตรมาสที่ 4 ปี 2557ยอดขายปูนซิเมนต์ยังคงหดตัวร้อยละ -4.8 ต่อปี

3. เครื่องชี้ภาวะเศรษฐกิจไทยด้านการคลังในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย ผ่านการขาดดุลงบประมาณโดยทางด้านการเบิกจ่ายงบประมาณพบว่ารัฐบาลสามารถเบิกจ่ายงบประมาณรวมในเดือนธันวาคม 2557 ได้จำนวน 270.7 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -14.6 ต่อปี โดยรายจ่ายงบประมาณปีปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้จำนวน 240.9 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -15.2 ต่อปี แบ่งออกเป็น (1) รายจ่ายประจำ 223.2 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 27.5 ต่อปี และ (2) รายจ่ายลงทุน 17.7 พันล้านบาท หดตัวร้อยละ -83.8 ต่อปี ทั้งนี้ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2557 (ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558) สามารถเบิกจ่ายได้ 766.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเบิกจ่ายร้อยละ 29.8 ของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 (2,575.0 พันล้านบาท) สำหรับการจัดเก็บรายได้รัฐบาลพบว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.) ในเดือนธันวาคม 2557 ได้จำนวน 170.4 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยรายการสำคัญ ดังนี้ (1) ภาษีฐานบริโภค (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) จัดเก็บได้ลดลงร้อยละ -1.6ต่อปี โดยภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานการบริโภคภายในประเทศจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 ต่อปี สะท้อนการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และ (2) ภาษีฐานรายได้จัดเก็บได้ลดลงร้อยละ -10.9 ต่อปี โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นร้อยละ1.9 ต่อปี ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลจัดเก็บได้ลดลงร้อยละ-17.2 ต่อปี ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 (ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักการจัดสรรให้ อปท.)ได้จำนวน 507.0 พันล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 0.7 ต่อปี ทั้งนี้ ดุลงบประมาณในเดือนธันวาคม 2557 ขาดดุลจำนวน -83.6 พันล้านบาท ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 (ไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2558) ขาดดุลจำนวน -344.6 พันล้านบาท

4.การส่งออกสินค้าในเดือนธันวาคม และไตรมาสที่ 4 ปี 2557 กลับมาขยายตัวอีกครั้งโดยในเดือนธันวาคม 2557 การส่งออกสินค้าของไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กลับมาขยายตัวที่ร้อยละ 1.9 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวร้อยละ5.1 ต่อเดือน โดยการส่งออกที่กลับมาขยายตัวได้ดีมีปัจจัยสำคัญมาจากการส่งออกสินค้าหมวดอุตสาหกรรมที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ 4.5 ต่อปี ตามการขยายตัวของการส่งออกสินค้ารถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก เป็นสำคัญ และหมวดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ที่ขยายตัวร้อยละ 0.8 ต่อปี ตามการขยายตัวของการส่งออกสินค้าข้าว น้ำตาล อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูป เป็นสำคัญ และ สำหรับตลาดส่งออกหลักที่มีการส่งออกได้ดีในเดือนธันวาคม 2557 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และกลุ่มตลาดอินโดจีน (CLMV) ที่ขยายตัวร้อยละ 13.2 5.9 1.4 และ 3.2 ต่อปี ตามลำดับ ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 การส่งออกสินค้าของไทยในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 57.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวที่ร้อยละ 1.6 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าขยายตัวได้ร้อยละ3.8 ต่อไตรมาส สำหรับสินค้าที่ส่งออกได้ดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ได้แก่ สินค้าในหมวดเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ และอุตสาหกรรมเกษตร ที่ขยายตัวร้อยละ 7.0 6.8 2.5 และ 8.8 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่ตลาดส่งออกที่มีการขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ได้แก่ กลุ่มอาเซียน-9 สหรัฐอเมริกา ทวีปออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และกลุ่มอินโดจีน ที่ขยายตัวร้อยละ 5.2 7.2 12.9 20.4 และ 6.8 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐในเดือนธันวาคม 2557 มีมูลค่าอยู่ที่ 17.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวร้อยละ -8.7 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 การนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่า 56.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวที่ร้อยละ -5.6 ต่อปี ทั้งนี้ มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐมีมูลค่าสูงกว่าการนำเข้าสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลทำให้ดุลการค้าระหว่างประเทศในเดือนธันวาคม 2557 เกินดุลที่ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐทำให้ดุลการค้าระหว่างประเทศในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 เกินดุลที่ 1.5พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

5. เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวต่างชาติปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แม้ว่าภาคเกษตรกรรมยังคงมีสัญญาณชะลอตัวโดยภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2557 พบว่า หดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -0.4 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก พบว่าขยายตัวได้ร้อยละ 3.6 ต่อเดือน โดยอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ดีในเดือนธันวาคม 2557 มาจากอุตสาหกรรมวิทยุโทรทัศน์ เครื่องแต่งกาย และอาหาร เป็นสำคัญ ขณะที่อุตสาหกรรมที่ยังคงหดตัว ได้แก่ เครื่องประดับ ยานยนต์ ปิโตรเลียม และอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -2.4 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก พบว่าขยายตัวได้ร้อยละ 2.7 ต่อไตรมาส โดยอุตสาหกรรมที่กลับมาขยายตัวได้ดีในไตรมาสที่ 4 ได้แก่ อุตสาหกรรมวิทยุโทรโทรทัศน์ เครื่องแต่งกาย และเคมีภัณฑ์ เป็นสำคัญ ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคม 2557ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 92.7 โดยเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อและยอดขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแฟชั่น อาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ประกอบกับการจัดงานมอเตอร์เอ็กโป 2014 ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ รวมทั้งราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 90.0 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 88.2สำหรับดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในเดือนธันวาคม 2557 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -4.8 ต่อปี ตามการลดลงของผลผลิตในหมวดธัญพืชเป็นสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือกเจ้า ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปี รวมทั้งผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และสับปะรดโรงงานที่ปรับตัวลดลง ทำให้ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมในไตรมาสที่ 4 ปี 2557 หดตัวร้อยละ -3.5 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกพบว่าหดตัวที่ร้อยละ -0.8 ต่อไตรมาส สำหรับภาคบริการ สะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 2.84 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 11.8 ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 นับจากเดือนตุลาคม 2557หลังจากที่หดตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และและเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก พบว่าขยายตัวที่ร้อยละ 4.6 ต่อเดือนโดยนักท่องเที่ยวจากจีนและมาเลเซียมีสัดส่วนสูงสุดโดยขยายตัวร้อยละ 66.4 และ 33.2 ต่อปี ตามลำดับ ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 นักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้น 7.45 ล้านคน ขยายตัวร้อยละ 7.0 ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออก พบว่าขยายตัวร้อยละ 13.9 ต่อไตรมาส

6. ด้านเสถียรภาพในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่เสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับมั่นคงโดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนธันวาคม2557 ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่องที่ร้อยละ 0.6ต่อปี จากเดือนก่อนที่อยู่ที่ร้อยละ 1.3จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์ สัตว์น้ำและไข่ไก่ลดลงจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการสินค้าดังกล่าวค่อนข้างทรงตัว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.7ต่อปี ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 อัตราเงินเฟ้อทั่วไป และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.4 และ 1.6 ต่อปี ตามลำดับสำหรับอัตราการว่างงานเดือนธันวาคม 2557 อยู่ที่ร้อยละ 0.6 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 2.20 แสนคน ทำให้ไตรมาสที่ 4 ปี 2557 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ของกำลังแรงงานรวม ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDPล่าสุด ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน2557 อยู่ที่ร้อยละ 46.1ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60.0 สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ ซึ่งสะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม2557 ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 157.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.7 เท่า

ที่มา : กระทรวงการคลัง

ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ