จากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตยางรถยนต์ ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอิสเทอร์นซีบอร์ด อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี คืนวานนี้ (1 กุมภาพันธ์ 2558) ความคืบหน้าในวันนี้ (2 กุมภาพันธ์ 2558) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ ว่า ได้รับรายงานเบื้องต้นว่า จากการประเมิน โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวเวชศาสตร์ คาดว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพไม่มากนัก โดยมีประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงโรงงานยางที่ถูกไฟไหม้ และในพื้นที่ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ได้รับผลกระทบจากควันไฟประมาณ 100 คน โดยมี 2 ราย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลปลวกแดง 2 ราย โดย 1 รายมีอาการตื่นตกใจ หายใจเร็ว และอีกรายมีบาดแผลจากการถูกเหล็กทิ่มตำที่เท้า แพทย์ให้การรักษาและกลับบ้านแล้ว ไม่พบผู้ที่มีอาการแสบจมูก ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจจากการสูดควันไฟมารับการรักษาแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่เกิดเหตุ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ข้างเคียงที่ได้รับผลกระทบจากควันไฟจากเหตุดังกล่าว ส่งทีมเจ้าหน้าที่ ลงไปที่โรงงานยางดังกล่าว เพื่อติดตามประเมินความปลอดภัย ว่ามีสารเคมีที่เป็นอันตรายที่ถูกเผาไหม้ ที่จะส่งผลต่อสุขภาพประชาชนหรือไม่ และเฝ้าระวังคุณภาพอากาศสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ซึ่งผลการตรวจวัดเบื้องต้นจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่าค่าคุณภาพอากาศขณะนี้ยังมีความแปรปรวน ตามความหนาแน่นของควันที่เกิดจากการประทุของกองเพลิง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยจะติดตามผลการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่รัศมี 1 กิโลเมตรรอบโรงงานฯ ทุกวัน จนกว่าจะเข้าสู่สถานการณ์ปกติ รวมทั้งให้ติดตามเฝ้าระวังสุขภาพประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้สำนักงานสาธารณสุขอำเภอปลวกแดงและโรงพยาบาลปลวกแดง จ.ระยอง ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ไปประเมินผลกระทบด้านสุขภาพ แจกหน้ากากอนามัย ป้องกันการสูดกลิ่น ควันไฟ และตรวจสุขภาพประชาชนในต.ตาสิทธิ์ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอาทิ ผู้สูงอายุ หญิงมีครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว เช่นหอบหืด เป็นต้น
นายแพทย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ในระยะนี้ขอแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหากมีอาการผิดปกติ เช่น แสบตา แสบคอ แสบจมูก ไอ หอบ หรือในกลุ่มเสี่ยงเช่นหญิงมีครรภ์ เด็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่น หอบหืด โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น หากมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก ใจสั่น ขอให้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน
2 กุมภาพันธ์ 2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th