วันนี้ (4 ก.พ. 58) เวลา 17.30 น. ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้แถลงการณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วม 5 ฝ่าย ประกอบด้วย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการหามาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจว่า ได้แจ้งให้แต่ละฝ่ายทราบถึงการขับเคลื่อน 9 ยุทธศาสตร์การทำงาน และได้แสดงความห่วงใยว่าผู้มีรายได้น้อยทำอย่างไรจะลดความเหลื่อมล้ำ เพราะการอธิบายเป็นไปได้ยาก เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมาแก้ปัญหาโดยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยรับเงินไป แต่วันนี้เราทำอย่างนั้นไม่ได้ จึงต้องสร้างความเข้าใจว่าจะช่วยเหลืออย่างไร ในช่วงที่ประเทศชาติกำลังคับขัน ซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจยังไม่ดีเท่าที่ควร ในที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องเศรษฐกิจหลายอย่าง ซึ่งเราควรดูเศรษฐกิจโลกและภูมิภาคว่าเป็นอย่างไร โดยการนำตัวเลขทั้งหมดมาวิเคราะห์ ส่วนที่เป็นปัญหาคือการติดลบทั้งการท่องเที่ยว การค้าขาย เนื่องจากรัฐบาลที่ผ่านมามีปัญหาจากสถานการณ์ทางการเมือง แต่ในไตรมาสสุดท้ายปี 57 เมื่อรัฐบาลได้เข้ามาก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ สามารถนำเงินออกมาใช้จ่ายได้ ทำให้ตัวเลขอยู่ในระดับที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็โตไม่เกิน 1% สิ่งที่รัฐบาลทำคือการตรวจดูข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) หรือข้อมูลการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ว่าสินค้าประเภทใดส่งออก สินค้าประเภทใดตกหล่น เช่น ข้าว - ยาง ที่มีมูลค่าส่งออกสูงมาตลอด วันนี้ราคาก็ดีขึ้น สุดท้ายต้องมาดูที่ประชาชนว่าเดือดร้อนอย่างไร จัดอาชีพให้ สร้างตลาดชุมชน ตลาดธงฟ้าทุกอำเภอ
ในส่วนของปัญหาค่าครองชีพได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ดูเรื่องต้นทุน ซึ่งไม่ได้สูงขึ้นมากมาย เพียงแต่เมื่อขายได้น้อยผู้ประกอบการก็ขายแพงขึ้น คนประกอบอาหารกินเองในบ้านไม่ค่อยออกนอกบ้าน จึงทำให้เกิดการขึ้นราคาอาหาร ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจดูราคาสินค้า อาหารจากร้านค้าต่าง ๆ หากพบเห็นร้านค้าใดที่ขายเกินความเหมาะสมจะให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจดู แต่จะให้ไปควบคุมมากก็ไม่ได้ ไม่เช่นนั้นก็จะอยู่กันไม่ได้ ทำอย่างไรให้ขายได้เท่าเดิม และถ้าสถานการณ์ไม่ปกติ คนไม่เที่ยวไม่กินจะเป็นอย่างไร ก็ต้องไปเล่นงานตำหนิคนที่เป็นต้นเหตุ
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องการท่องเที่ยวที่อยู่ในช่วงไฮซีซั่น ตัวเลขเป็นบวกในช่วง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลต้องทำให้เกิดความปลอดภัย สร้างกลไกแรงจูงใจให้แก่ต่างชาติ เนื่องจากชาวต่างชาติที่มาเที่ยวในประเทศไทยไม่ได้สนใจกฎหมายพิเศษ รวมทั้งการเร่งดำเนินการขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจชายแดนต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th