นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถวายพระพรสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน โดยขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง พร้อมกล่าวแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนที่มีความเข้าใจสถานการณ์ของไทยและทรงให้กำลังใจรัฐบาลไทยในการบริหารราชการแผ่นดิน การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ และความร่วมมือในกรอบความร่วมมืออิสลาม (OIC) นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไนที่มียุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยวางเป้าหมายที่จะให้บรูไนมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนภายในปี ค.ศ. 2035 ซึ่งไทยมีความยินดีที่จะร่วมมือในสาขาต่างๆ โดยเฉพาะการค้าและการลงทุน การเกษตร และการผลิตอาหารฮาลาล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมองว่า ความร่วมมือในสาขาดังกล่าวนอกจากจะทำให้ไทยและบรูไนมีมูลค้าการค้าขายเพิ่มมากขึ้น ยังทำให้บรูไนเป็นศูนย์กลางในการกระจายสินค้าในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้เศรษฐกิจของอาเซียนเข้มแข็งมากขึ้นอีกด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกับเอกอัครราชทูตบรูไนในวันนี้ พร้อมชื่นชมการปฎิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบรูไน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในช่วงเวลาร่วม 6 ปีที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตบรูไนได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ไทย-บรูไนว่า ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและใกล้ชิด มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างผู้นำระดับสูงของทั้งสองฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ มีความร่วมมือที่หลาหลายและครอบคลุมในหลายสาขา เอกอัครราชทูตบรูไนกล่าวว่าตลอดเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในไทยมีความสุขและเป็นเกียรติอย่างมากที่มีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมีพัฒนาการดีขึ้น และประชาชนระหว่างสองประเทศเดินทางไปมาหาสู่กันมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตบรูไนได้หารือถึงความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีหวังว่าไทยและบรูไนจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพื่อเป็นช่องทางการเชื่อมโยงให้การท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศไปยังประเทศมุสลิมอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียนและตะวันออกกลาง ส่วนความร่วมมือทางด้านการศึกษา เอกอัครราชทูตบรูไนกล่าวว่า การแลกเปลี่ยนบุคลากรทางด้านศึกษาจะทำให้ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนมีการพัฒนามากขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศมีความเข้าใจอันดีระหว่างกันมากขึ้น ทางด้านนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ควรเริ่มขยายความร่วมมือทางด้านการศึกษาโดยการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางทหารที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษระหว่างทั้งสองฝ่าย หลังจากนั้นจึงขยายความร่วมมือทางด้านการศึกษาในระดับประเทศต่อไป นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณบรูไนที่ให้การดูแลสวัสดิภาพแรงงานไทยในบรูไนเป็นอย่างดี โดยขณะนี้ไทยกำลังจัดการกับปัญหาการการค้ามนุษย์ ไทยจึงขอความร่วมมือจากบรูไนหากมีข้อมูลเรื่องการลักลอบค้าแรงงานผิดกฎหมายและการค้ามนุษย์ในบรูไน
นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตบรูไนยังได้หารือถึงการเดินทางเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2558 ซึ่งนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตบรูไนต่างหวังว่า การเยือนในครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับบรูไน และความร่วมมือที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของทั้งสองฝ่ายจะมีผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถลงนามในความตกลงในบางฉบับ รวมถึงการมีผลบังคับใช้หนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างไทย – บรูไนฯ ว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูตและหนังสือเดินทางราชการ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th