นายเทซุเกะฯ แสดงความยินดีที่ได้พบนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าในปีที่ผ่านมาแม้ประเทศไทยจะประสบปัญหาอุทกภัย รวมถึงสถานการณ์ทางการเมือง แต่นักลงทุนยังคงลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการลงทุนของ SMEs ญี่ปุ่นที่เพิ่มมูลค่าขึ้น ในขณะเดียวกันบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นก็มีโครงการลงทุนในไทยในด้านพลังงานด้วย
นายกรัฐมนตรีหวังว่า ญี่ปุ่นจะมองไทยเป็นศูนย์กลางทางการลงทุนในอาเซียน และยืนยันว่าไทยพร้อมดูแลนักลงทุนญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกันมากว่า 600 ปี หากนักลงทุนญี่ปุ่นมีปัญหาติดขัดประการใดสามารถประสานผ่านช่องทางต่างๆ ได้ และรัฐบาลยินดีให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทุกวันนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ จึงอยากให้ธนาคาร Sumitomo ให้ความสำคัญในประเด็นนี้ ทั้งนี้นายเทซุเกะฯ ยินดีจะรับเรื่องนี้ไปพิจารณา และจะขอรับคำแนะนำจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง
จากนั้น นายเทซุเกะฯ ในฐานะประธานและคณะกรรมการ Japan-Thailand Business Forum และJapan-Thailand Association นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี
นายเทซุเกะฯ กล่าวว่า JTA เป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมากว่า 80 ปี และ JTBF คือ กลุ่มนักธุรกิจญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยโดยตั้งขึ้นในปี 2545 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างญี่ปุ่นกับไทย โดยเร็วๆนี้ จะมีสมาชิกเดินทางเยือนประเทศไทย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ BOI ททท. และธนาคารญี่ปุ่นในประเทศไทย ด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลมุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจให้มั่นคงควบคู่กับการเมือง โดยเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่ง และการสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งไทยและญี่ปุ่นสามารถมีความร่วมมือกันได้อีกมาก นอกจากนี้ไทยยังมีโครงการร่วมกับญี่ปุ่นและเมียนมาในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย จึงขอให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นช่วยสนับสนุนและผลักดันโครงการด้วย
ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความขอบคุณภาคเอกชนญี่ปุ่น ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นในไทยอย่างดีที่สุด
ที่มา: http://www.thaigov.go.th