นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่มีโอกาสพบปะกับประธานสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นและผู้บริหารบริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นกว่า 40 ราย ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่จะรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการดำเนินธุรกิจจากภาคเอกชนญี่ปุ่นโดยตรง ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างไทยกับญี่ปุ่นในหลายทศวรรษที่ผ่านมา
นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณที่ภาคเอกชนญี่ปุ่นยังคงลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องแม้ว่าที่ผ่านมาไทยจะประสบปัญหามากมาย ทั้งน้ำท่วมและการเมืองที่นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ว่าไทยจะมีปัญหาทางการเมืองที่สะสมมานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตามรัฐบาลเร่งรัดผลักดันให้เกิดการปฏิรูปเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยที่ยั่งยืน ขอให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเชื่อมั่นว่าการปฏิรูปเป็นไปตาม Roadmap ที่วางไว้ และประเทศไทยเดินหน้าได้อีกครั้ง
ทั้งสองฝ่ายหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับประเด็นเศรษฐกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ภาคเอกชนญี่ปุ่นแสดงความสนใจเพิ่มมูลค่าการลงทุนในประเทศไทย โดยใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการลงทุนเพื่อขยายต่อไปในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอาเซียน
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจะเร่งสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมเพื่อดึงดูดนักลงทุน และช่วยขยายการลงทุนระหว่างกัน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีหวังให้คนไทยได้รับตำแหน่งระดับสูงในด้านอุตสากรรมยานยนต์ และเชิญชวนให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย
จากนั้น นายฮิโรมิ อิวาสะ ในฐานะผู้แทนของสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อคณะนักธุรกิจจากสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น โดยมีเนื้อหาดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณประธานสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นที่ให้การต้อนรับและเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันนี้อย่างอบอุ่น แสดงถึงความสำคัญทางเศรษฐกิจที่ไทยและญี่ปุ่นมีต่อกัน และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติสละเวลามาร่วมงานในวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเหตุผลการเดินทางเยือนครั้งนี้ ว่ามีสิ่งที่คาดหวังสองประการ ประการแรกคือ การแสวงหาความร่วมมือเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และแก้ไขปัญหาติดขัดให้หมดไปโดยเร็ว ส่วนการเป็นประชาธิปไตยของไทย ยืนยันว่าเดินหน้าตามแผน Roadmap ที่วางไว้ และจะไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งต่อไปในอนาคต โดยยึดหลักมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีขอให้ญี่ปุ่นสนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งญี่ปุ่นได้เคยผ่านประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ และสนับสนุนอุตสาหกรรมแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร การวิจัยและการพัฒนา ซึ่งญี่ปุ่นมีความรู้และเทคโนโลยีสูง จึงอยากให้ถ่ายทอดให้กับไทยด้วย
นายกรัฐมนตรีหวังให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นมีการจัดตั้งสถาบันวิจัยให้มากขึ้น การจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในไทย หรือ IHQ และเร่งให้มีการเจรจา FTA ระหว่างกัน รวมถึงการผลักดันส่งเสริม SMEs ของไทยและญี่ปุ่น เพื่อให้ SMEs ญี่ปุ่น ขยายการลงทุนในไทยให้มากขึ้น
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณภาคเอกชนญี่ปุ่นที่สนับสนุนให้ไทยได้เดินหน้าประเทศ ทั้งนี้สมาชิกสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นได้สอบถามการแก้ไขปัญหายกระดับรายได้เกษตรกร โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวตอบว่าสามารถทำได้โดยลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุดและเพิ่มผลผลิตต่อไร่ อาทิ เมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ การพัฒนาพันธ์ข้าว การรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อการให้ความช่วยเหลือที่ตรงเป้าหมาย แก้ไขปัญหาพ่อค้าคนกลาง ส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้าใจทำการตลาด และพัฒนาระบบชลประทาน ซึ่งญี่ปุ่นสามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ รวมถึงสามารถตั้งโรงงานรับซื้อเพื่อแปรรูปได้ ญี่ปุ่นจะให้ความร่วมมือในเรื่องของการพัฒนาระบบชลประทานและการแปรรูป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th