ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า สำนักงบประมาณ (สงป.) ได้รายงานต่อที่ประชุม ครม. เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 จำนวน 2.575 ล้านล้านบาท ได้มีการเบิกจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 1,019,450 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 39.6 แยกเป็นรายจ่ายประจำ เบิกจ่ายได้ 951,857 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 44.8 ส่วนรายจ่ายลงทุน เบิกจ่ายไปได้ 67,592 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15 ทั้งนี้ในส่วนของรายจ่ายประจำเมื่อเทียบกับเป้าหมายในการเบิกจ่าย (ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2558) ซึ่งตั้งไว้ที่ 43.99 % สามารถเบิกจ่ายได้ร้อยละ 44.8 นั้น กรณีของการเบิกจ่ายรายจ่ายประจำสามารถดำเนินการได้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ขณะที่รายจ่ายลงทุนยังต่ำกว่าเป้าหมายในการเบิกจ่ายซึ่งตั้งไว้ที่ 41.80 % โดยการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนต่ำกว่าเป้าหมาย 26.77 % คิดเป็น 120,000 ล้านบาท โดยวันนี้ ครม. ได้มอบหมายให้ สงป. ดำเนินการเสนอมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 เพิ่มเติม ในการที่จะทำส่วนราชการดำเนินการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
สำหรับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนที่ ครม. กำหนด คือให้เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณภายในวันที่ 30 กันยายน 2558 โดยให้เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 87 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน แต่ขณะนี้การเบิกจ่ายยังต่ำกว่าเป้าที่กำหนด เพราะฉะนั้น ครม.จึงได้มีมติเห็นชอบให้มีการออกมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 เพิ่มเติม เพื่อให้ส่วนราชการสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ส่วนมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวที่ สงป. ได้เสนอต่อที่ประชุม ครม. มีดังนี้ 1) กรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ยังมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณปี 2558 ที่ได้รับความเห็นชอบแล้วและมีความพร้อมที่จะเริ่มดำเนินการหรือสามารถก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายผลผลิตหรือโครงการโดยเร็ว ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่น เร่งดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณภายในวันที่ 30 กันยายน 2558
2) กรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณาแล้วคาดการณ์ว่าจะไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558 แต่ยังคงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ได้รับความเห็นชอบจาก สงป. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณาปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินงานจากการจ้างเหมาภาคเอกชนเป็นดำเนินการเอง โดยหากไม่สามารถดำเนินการเองได้ให้แจ้งขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่มีศักยภาพในงานก่อสร้างเป็นผู้ดำเนินการแทน โดยให้เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน และเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้ดำเนินการตามกฎหมาย ประกาศ และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
3) กรณีส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ที่ได้รับความเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว แต่คาดการณ์ว่าจะไม่สามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ผูกพันโครงการ/รายการได้ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558 รวมถึงได้พิจารณาทบทวนความจำเป็นแล้วเห็นว่า โครงการ/รายการ ดังกล่าวหมดความจำเป็น หรือไม่สามารถดำเนินการ หรือมีความซ้ำซ้อน หรือได้ดำเนินการบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว และมีงบประมาณเหลือจ่าย หรือคาดว่าจะไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ทันตายในวันที่ 30 กันยายน 2558 ให้พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณจากโครงการ/รายการเดิมเพื่อนำไปดำเนินการ ดังนี้
3.1 ดำเนินการตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายรัฐบาล 11 ด้าน ยุทธศาสตร์ คสช. 9 ด้าน นโยบายความมั่นคง ซึ่งรวมถึงนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่จำเป็นต้องแก้ไขปัญหา 11 เรื่อง ได้แก่ การค้ามนุษย์ การป้องกันปราบปรามยาเสพติด การจัดระเบียบพื้นที่สาธารณะ การแก้ปัญหาการบุกรุก การแก้ไปปรับปรุงกฎหมาย การปฏิรูป สาธารณูปโภคพื้นฐาน การท่องเที่ยว การศึกษา การเชื่อมโยงเศรษฐกิจ และเขตเศรษบกิจพิเศษ
3.2 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนกรณีเร่งด่วนและตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างทั่วถึง เป็นธรรม ชัดเจน เช่น ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ เป็นต้น
3.3 เป็นรายการงบประมาณที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจน
3.4 เป็นการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาของหน่วยงานในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รวมถึงการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อสมทบในรายการที่ได้รับจัดสรรงบประมาณไม่เพียงพอ และโครงการ/รายการผูกพันที่ดำเนินการได้เร็วกว่าแผน
3.5 ชำระหนี้ค่าสาธารณูปโภค หรือชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) หรือดำเนินโครงการ/รายการที่มีข้อผูกพันตามกฎหมาย
3.6 เป็นรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน หากไม่ดำเนินการจะเกิดความเสียหายต่อทางราชการ รวมถึงรายการสำรวจออกแบบ เพื่อให้มีความพร้อมในการสเนอตั้งงบประมาณจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559
โดยให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบและกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เพื่อพิจารณาเห็นชอบภายในวันที่ 30 เมษายน 2558 โดยเมื่อได้รับความเห็นชอบแล้วให้ดำเนินการขอปรับแผนฯ และโอนเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณต่อ สงป. ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ การโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว ไม่ควรโอนงบประมาณไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการต่างประเทศ ยกเว้นกรณีการเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตามสนธิสัญญาหรือที่มีข้อผูกพันทางกฎหมายกับองค์กร หรือระหว่างประเทศ รวมทั้งไม่ควรโอนงบประมาณไปเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อพาหนะ และค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากรที่จก่อให้เกิดภาระงบประมาณระยะยาวในอนาคต
จากนั้นให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ไปดำเนินการในโครงการ/รายการที่มีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการหรือก่อหนี้ผูกพันได้ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 และสามารถเบิกจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2558
4) งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการใด ๆ ที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นได้รับการจัดสรรงบประมาณไปใช้จ่ายบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่ายให้ส่งคืน สงป. แต่หากมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องนำไปใช้จ่ายในรายการอื่น ๆ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เสนอรัฐมนตรีที่รับผิดชอบกำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงาน พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วจึงดำเนินการตามกฎหมาย ประกาศ และระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
5) สงป. จะนำผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2558 ประกอบการพิจารณาในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ของทุกส่วนราชการอย่างเข้มงวด
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th