ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับมาตรการดูแลสุขภาพประชาชนจากผลกระทบปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เร่งดำเนินป้องกันปัญหาไฟป่าอย่างเต็มที่ โดยในส่วนของการดูแลสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด 9 จังหวัด (จว.) ภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน ตาก และให้โรงพยาบาลทุกระดับที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จัดเตรียมเครื่องมือแพทย์ เวชภัณฑ์ ยาประจำห้องฉุกเฉินต่างๆ เพื่อให้บริการประชาชนที่เจ็บป่วยได้อย่างทันท่วงที มีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา ให้แต่ละพื้นที่เตรียมทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่ทันทีเมื่อพบผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับหมอกควัน เพื่อดำเนินการควบคุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลดผลกระทบเร็วที่สุด และขอความร่วมมือ อสม.รณรงค์ประชาชนในหมู่บ้านงดเผาป่า เผาหญ้า/วัชพืช หรือขยะ เพื่อลดมลพิษในอากาศ ทั้งนี้ ได้ให้กรมควบคุมโรคสำรองหน้ากากอนามัยจำนวน 270,000 ชิ้น เพื่อแจกจ่ายให้พื้นที่ป้องกันการสูดฝุ่นละอองฝุ่นเข้าปอด หากคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ไม่ปลอดภัย และได้แจกให้ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบนแล้ว 150,000 ชิ้น
ทางด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า มลพิษจากหมอกควันไฟที่เกิดจากการเผาป่า เผาขยะ เผาวัชพืช จะมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 ระบบ ได้แก่ 1.ระคายเคืองทางเดินหายใจ 2.โรคหัวใจและหลอดเลือด 3.ระคายเคืองตา ตาอักเสบ และ4.กลุ่มผิวหนังอักเสบ ทั้งนี้อาการความรุนแรง ขึ้นกับระยะเวลาการสัมผัส อายุ ความต้านทานแต่ละบุคคล ความเข้มข้นของมลพิษ ประวัติการป่วยเป็นโรคปอดหรือโรคหัวใจและอื่นๆอยู่แล้ว อาการที่ปรากฏเริ่มตั้งแต่ขั้นเล็กน้อยจนถึงรุนแรง ได้แก่ แสบตา ตาแดง น้ำตาไหล คอแห้ง ระคายคอ ไอ เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก หายใจติดขัด ผลจากการเฝ้าระวังการเจ็บป่วยในโรงพยาบาล 22 แห่งในพื้นที่ ยังไม่พบความผิดปกติจากปัญหาหมอกควัน
สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงเจ็บป่วยจากปัญหาฝุ่นควันไฟ ง่ายกว่าคนทั่วๆไปที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ มี 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มเด็ก 2.หญิงตั้งครรภ์ 3.ผู้สูงอายุ 4.ผู้ป่วยโรคหอบหืด 5.ผู้ป่วยโรคถุงลมปอดอุดกั้นเรื้อรัง 6.ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ และ7.ผู้ป่วยโรคหัวใจ จึงขอแนะนำให้กลุ่มเสี่ยงที่กล่าวมา ให้ติดตามคุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หลีกเลี่ยงการสูดละอองหมอกควัน หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก โดยเฉพาะในช่วงที่ค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานคือเกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เพื่อลดการสัมผัสกับฝุ่นหรือมลพิษเข้าปอด งดกิจกรรมกลางแจ้ง และสังเกตอาการของตนเองและสำรองยาให้เพียงพอ หากมีอาการผิดปกติ เช่นแน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม แสบตา ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
กุมภาพันธ์
15 กุมภาพันธ์ 2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th