กรณีความเห็นต่างในเรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ว่า สิ่งสำคัญที่ต้องการให้ทุกคนรู้ คือขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้น เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ถือเป็นการพูดคุยที่ดีมาก และได้ข้อยุติว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษารายละเอียด และเห็นว่าควรมีการแก้กฎหมาย ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนของการดำเนินการที่จะทำให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดของประเทศ ซึ่งทั้งสองฝ่ายนั้นมีความมุ่งหมายที่ดีมาตลอด ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี สำหรับวันที่ 16 มี.ค.2558 นี้ จะยังไม่มีการเปิดให้ยื่นสัมปทาน ต้องแก้กฎหมายก่อนว่ามีข้อขัดข้องอะไรบ้าง เมื่อแก้กฎหมายเสร็จต้องนำเสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ก่อนถึงขั้นตอนของการเปิดสำรวจสัมปทาน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ได้มีกรอบเวลา กฎหมายเสร็จเมื่อไหร่ ก็ทำเมื่อนั้น
พร้อมกล่าวชี้แจงว่า วันที่ 16 มี.ค.นี้ ไม่สามารถยื่นสำรวจสัมปทานได้ คงต้องชะลอไปก่อน และคณะกรรมการร่วมที่ตั้งมาต้องหารือกันต่อ ซึ่งมี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบ รวมทั้งกระทรวงพลังงาน และกลุ่มที่จะเข้าร่วมหารือ ซึ่งทุกคนมีความหวังดีต่อชาติ และต้องการให้เกิดความชัดเจนขึ้น ซึ่งรัฐมีปัญหาอย่างเดียวคือแสวงหาพลังงาน และถ้าแก้กฎหมายได้ไม่ได้ต้องไปหารือกัน ส่วนนโยบายการดึงต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เปิดรับทุกประเทศประเทศในแถบตะวันออกกลางที่เป็นมิตรกับเราอยู่ แต่เขาเป็นประเทศเล็ก และเขาก็มองว่าเราเป็นแหล่งพลังงานเล็กๆ ทางฝั่งเขานั้นใหญ่กว่าเยอะ เขาจึงไปลงทุนที่อื่นดีกว่า สำหรับเรานั้นเป็นความร่วมมือด้านพลังงาน เรียนรู้ ศึกษา เตรียมธุรกิจการประกอบน้ำมัน ซึ่งเราค่อนข้างจะทำได้ดี ในด้านการประกอบธุรกิจ แต่ไม่ใช่ด้านการขุดเจาะ เพราะเราไม่มีน้ำมันขนาดนั้น
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th