ภายหลังการหารือ ร้อยเอก ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
การเยือนประเทศไทยของนายแพทย์สาย หมอก คำ รองประธานาธิบดีเมียนมา ในครั้งนี้ เป็นตามคำเชิญของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้แนวทางการบริหารจัดการด้านสาธารณสุขของไทย
สำหรับการหารือกันในวันนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับรองประธานาธิบดีเมียนมาในโอกาสการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมยินดีกับมิตรภาพไทย-เมียนมาที่แน่นแฟ้นและความร่วมมือที่มีพัฒนาการคืบหน้าในทุกด้าน โดยที่รองประธานาธิบดีเมียนมาเห็นว่า ความสัมพันธ์ไทย-เมียนมาในปัจจุบันนับว่าอยู่ในจุดที่ดีที่สุด
สำหรับความร่วมมือเพื่อพัฒนาด้านสาธารณสุข ไทยได้ย้ำถึงความสำคัญในการพัฒนาด้านคุณภาพชีวิตและการสาธารณสุข ความกินดีอยู่ดีของประชาชน ไทยมีกองทุนประกันสังคมและการประกันสุขภาพ ตลอดจน มีการวางระบบการจัดการด้านสาธารณสุขในพื้นที่ชนบท ซึ่งเมียนมาสามารถใช้ไทยเป็นตัวอย่างและศึกษาแนวทางจากประเทศไทยได้ พร้อมกับย้ำถึงความสนับสนุนของไทยต่อความร่วมมือเพื่อการสาธารณสุขของเมียนมา ซึ่งฝ่ายเมียนมาเองได้แสดงความขอบคุณที่ไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข ตลอดจนบริจาคยารักษาโรคให้แก่โรงพยาบาลในเมียนมามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปัจจุบัน เมียนมาประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข และประสงค์ที่จะแลกเปลี่ยนความรู้ด้านสาธารณสุขและความรู้ด้านโรคติดต่อกับไทยผ่านทางสถานศึกษาและในระดับมหาวิทยาลัยเพิ่มเติม
นอกจากนี้ มีการหารือเกี่ยวกับการขยายโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ทวาย ซึ่งล่าสุดไทยได้จัดทำข้อเสนอโครงการส่งให้เมียนมาพิจารณาแล้ว เนื่องจากเห็นว่าจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาชุมชนในพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย
ประเด็นความร่วมมือด้านแรงงาน ไทยได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลเมียนมาให้ความร่วมมือแก่ไทยในเรื่องการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งยังคงต้องดำเนินต่อไปเพื่อให้การดูแลแรงงานเมียนมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่าความต้องการแรงงานของไทยจะมีมากขึ้นอีก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมประมงและการก่อสร้าง และเสนอให้มีความร่วมมือในการดูแลตรวจสุขภาพให้แก่แรงงานเมียนมา ซึ่งฝ่ายเมียนมาเห็นด้วย และเสนอให้มีการตั้งศูนย์ตรวจสุขภาพแรงงานบริเวณชายแดน 3 แห่ง ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก เมียวดี และเกาะสอง
ด้านการการค้าการลงทุน หลังจากการเดินทางเยือนเมียนมา นายกรัฐมนตรีได้สนับสนุนให้นักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนในเมียนมามากขึ้น ปัจจุบัน ไทยเข้าไปลงทุนในเมียนมาเป็นอันดับสอง จึงขอให้รัฐบาลเมียนมาช่วยดูแลภาคเอกชนของไทยที่เข้าไปลงทุนด้วย
นอกจากนี้ มีการหารือเกี่ยวกับการเสด็จฯเยือนเมียนมาของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 1-3 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งรองประธานาธิบดีเมียนมาพร้อมถวายการรับเสด็จและแสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้พระราชทานความช่วยเหลือประชาชนเมียนมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการสาธารณสุข
ทั้งนี้ ระหว่างการพบกันในวันนี้ ยังมีการหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของความร่วมมือระหว่างกันด้านต่างๆ อาทิ การพัฒนาความเชื่อมโยงและพื้นที่ชายแดน โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบัน มีนักท่องเที่ยวของสองประเทศเดินทางระหว่างกันมากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมปั่นจักรยานระหว่างประเทศ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งรัฐบาลเมียนมารับที่จะช่วยดูแลด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวในกิจกรรมดังกล่าวด้วย
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีแสดงความมั่นใจว่า การเยือนไทยครั้งนี้จะเป็นประโยชน์แก่การพัฒนาด้านสาธารณสุขในเมียนมา และเสนอให้คณะของรอประธานาธิบดีได้มีโอกาสศึกษาดูงานที่สถาบันโรคไต (โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์) เนื่องจากเป็นสถาบันที่เน้นเรื่องการให้ความรู้ การป้องกันและรักษา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและน่าจะนำไปประยุกต์ใช้ได้ที่เมียนมาต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th