วันนี้ (26 ก.พ. 58) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการปณิธานความดีปีมหามงคล” โดยมีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) รวมทั้งประชาชนทุกหมู่เหล่า และองค์กรทุกภาคส่วน ทั้ง ระดับบุคคล องค์กร หมู่บ้าน และชุมชน จำนวนทั้งสิ้นประมาณ 1,000 คน เพื่อร่วมกันตั้งปณิธานความดีและทำตามปณิธานความดีที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และสังคมส่วนรวมอย่างต่อเนื่อง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่สุดมิได้
เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงบริเวณด้านหน้าตึกสันติไมตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เชิญนายกรัฐมนตรี ชมนิทรรศการของอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นโครงการอาชีวะอาสา ที่ได้มาจัดแสดงการซ่อมสร้างอุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องยนต์ต่าง ๆ พร้อมทั้งเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อสังคม ตลอดจนจะนำไปสู่การสร้างภาพลักษณ์ที่ดี ให้ประชาชนเกิดความประทับใจในโครงการฯ และได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาขยายโครงการฯ ให้มากขึ้นทั้งในกรุงเทพมหานครและในส่วนภูมิภาค
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี เดินทางต่อมายังตึกสันติไมตรี (หลังนอก) เพื่อเป็นประธานเปิดงานโครงการฯ โดยได้ชมวีดีทัศน์โครงการฯ ด้วยความสนใจ
ในโอกาสนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 มีมติเห็นชอบให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และทุกส่วนราชการเชิญชวนให้พสกนิกรไทยร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 87 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2557 และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ 60 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2558 ด้วยการตั้งปณิธานที่จะทำความดี อย่างน้อย 1 อย่างที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและสังคม ดังนั้น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายดอน ปรมัตถ์วินัย) และได้เห็นพ้องกันว่าในห้วงระยะเวลาตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2558 - 2560 เป็นช่วงระยะเวลาที่มีวาระอันเป็นมหามงคลเกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อเนื่องกันถึง 3 ปี โดยในปีพุทธศักราช 2558 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา และในปีพุทธศักราช 2559 จะเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์ครบ 70 ปี พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ จะทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา ตลอดจนในปีพุทธศักราช 2560 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญ พระชนมพรรษา 90 พรรษา พร้อมทั้งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะทรงเจริญพระชันษา 60 พรรษา ดังนั้น จึงได้จัดทำ “โครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล” ขึ้น โดยจะเริ่มดำเนินการเป็นโครงการนำร่อง ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2558 - 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ และเพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรทุกคน ทุกหมู่เหล่าได้มีโอกาสแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความจงรักภักดีเนื่องในปีมหามงคล ด้วยการร่วมกันตั้งปณิธานความดีถวายเป็น “ของขวัญ” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
ทั้งนี้ การจัดงาน “โครงการปณิธานความดี ปีมหามงคล” ในวันนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และประชาชน ทุกหมู่เหล่า ที่พร้อมใจกันตั้งปณิธานความดี และมุ่งมั่นที่จะทำความดีที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ต่อสังคม และหลอมรวมความดีที่ได้กระทำเป็นพลังที่สร้างสรรค์สังคม และประเทศชาติให้มีความมั่นคงและเข้มแข็ง ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดทำช่องทางการสมัครผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อบันทึกปณิธานความดีโดยเปิดให้ หน่วยงานทั้งภาครัฐ รัฐวิสากิจ ภาคเอกชน และประชาชนทุกคนทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นเครือข่าย และบันทึกปณิธานความดีของแต่ละบุคคล หน่วยงาน ชุมชน ที่ได้ร่วมกันทำไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ในสังคม ผ่านทางเว็บไซต์ “ www. panithand.com ” และ Facebook “ panithand ”
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงานฯ สรุปความว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์ในการสร้างความปรองดองในสังคมและปลูกฝังค่านิยมและจิตสำนึกที่ดีให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคน โดยยึดหลักค่านิยมไทย 12ประการ รวมทั้งสร้างมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรมและธรรมมาภิบาลให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีและความเข้มแข็งให้แก่สังคมและประเทศชาติ ทั้งนี้ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์คู่ชาติมาตั้งแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจทั้งปวงล้วนแล้วแต่เพื่อสร้างความผาสุก และความร่มเย็นแก่ประชาชนและประเทศชาติ โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ครบ 60 พรรษา เป็นโอกาสที่ดีที่พสกนิกรไทยได้พร้อมใจตั้งปณิธานในการทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และในฐานะพสกนิกรชาวไทยทุกคน สมควรจะแสดงออกถึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลต่าง ๆ ซึ่งพลังหลาย ๆ ล้านความดี จะถวายความสุขแด่ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ ที่เกื้อกูลให้ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองมั่นคงสถาพรสืบไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความมุ่งหวังให้ประชาชนคนไทยทุกคน ทุกศาสนา มีความมุ่งมั่นที่จะทำความดี มีความคิดที่ดีที่เป็นแบบแผนเดียวกัน และการทำความดีนั้น ทุกคนสามารถทำได้ทุกวัน และในโอกาสต่างๆ ขอให้ทำด้วยความความตั้งใจ และการทำความดีที่ง่ายที่สุด คือ เริ่มจากตนเองก่อน ด้วยการ คิดดี พูดดีและทำดี ประพฤติปฏิบัติตนให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม คุณธรรม รู้จักการให้ เผื่อแผ่แบ่งปันคนอื่นและสังคม จากนั้นจึงขยายผลเป็นกลุ่ม เป็นองค์กร เป็นสังคม และทั่วประเทศ ในนามของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีขอยืนยันว่าจะให้การสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำความดีที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ เพื่อปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคงและเข้มแข็ง มีความสงบสุขโดยเร็ว ดังนั้น วันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีที่ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนทุกหมู่เหล่า ที่จะตั้งปณิธานความดีในปีมหามงคลยิ่งนี้ ด้วยความตั้งใจแน่วแน่และสมัครใจกระทำในเรื่องดี ๆ และมุ่งมั่นกระทำแต่ความดีถวายเป็นพระราชกุศล รวมทั้งได้หลอมรวมใจเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ ตอบแทนคุณแผ่นดิน เพื่อคนไทยได้อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ สามัคคี มีสำนึกในความเป็นคนไทย และร่วมนำความสุขกลับคืนมาสู่ประเทศไทยและประชาชนคนไทยอย่างยั่งยืนตลอดไป
ตอนท้ายของการกล่าวเปิดงานฯ ครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าว เชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนคนไทยทุกคนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในโอกาสมหามงคลดังกล่าว ด้วยการตั้งจิตปณิธานที่จะกระทำความดี อย่างน้อย 1 อย่างที่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนเองและสังคม และร่วมเป็นเครือข่ายการทำความดี และบันทึกปณิธานความดีของแต่ละบุคคล หน่วยงาน ชุมชน ที่ได้ร่วมกันทำความดี ในโอกาสต่าง ๆ ไว้ให้เป็นที่ประจักษ์ในสังคม โดยบันทึกผ่านเว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก ซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศได้ร่วมกันจัดทำขึ้นต่อไป
`จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ประกอบพิธีเปิดโครงการฯ โดยวางตัวอักษร “ดี”ลงบนแท่น พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับคณะกรรมการจัดงานและตัวแทนผู้นำจากภาครัฐและเอกชน ที่มาร่วมงานด้วยอัษยาศัยอันดี
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน
ดวงใจ กล่อมจิตต์ ตรวจ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th