ดร.สมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากความร่วมมือแลกเปลี่ยนข่าวสารระหว่างกรมศุลกากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจมาเลเซีย ในการหยุดยั้งขบวนการลักลอบนำรถยนต์ถูกโจรกรรมจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย กรมศุลกากรสามารถขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบนำเข้ารถยนต์ดังกล่าวได้เป็นจำนวนมาก ตลอดจนสามารถควบคุมการลักลอบนำเข้ารถยนต์โดยใช้ช่องทางการอำนวยความสะดวกในด้านการท่องเที่ยวผ่านทางพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพบว่า มีรถยนต์ที่ถูกจับกุมและอยู่ในข่ายต้องส่งคืนประเทศมาเลเซียจำนวนทั้งสิ้น 126 คัน กรมศุลกากรจึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นควรส่งคืนรถยนต์ของกลางในคดีที่ไม่ปรากฏผู้ต้องหาและคดีถึงที่สุดแล้ว ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องคืนรถยนต์ของกลางตามแนวทางคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยการร้องขอคืนรถยนต์ของกลางที่ถูกโจรกรรมจะต้องกระทำเป็นหนังสือตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และเอกสารดังกล่าวต้องแปลเป็นภาษาไทยโดยมีสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทยรับรองความถูกต้อง เพื่อให้กรมศุลกากรพิจารณาคืนรถยนต์ของกลางที่ถูกโจรกรรมจากประเทศมาเลเซียตามแนวทางคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยมีรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมยื่นคำร้องผ่านทางสถานทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย และจัดทำเอกสารถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติการยื่นคำร้องขอคืนรถยนต์เรียบร้อยแล้วทั้งสิ้น จำนวน 7 คัน ดังนี้
- รถยนต์ยี่ห้อ BENZ รุ่น E230 สีเขียว จำนวน 1 คัน
- รถยนต์ยี่ห้อ SSANGYONG รุ่น RX270 สีเทา จำนวน 1 คัน
- รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ESTIMA สีขาว จำนวน 1 คัน
- รถยนต์ยี่ห้อ MITSUBISHI รุ่น AIRTREK สีดำ จำนวน 1 คัน
- รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น CAMRY สีดำ จำนวน 1 คัน
- รถยนต์ยี่ห้อ BENZ รุ่น C200K สีเทา จำนวน 1 คัน - รถยนต์ยี่ห้อ BMW รุ่น 530D สีเทา จำนวน 1 คัน
กรมศุลกากรจึงขอส่งมอบรถยนต์ดังกล่าวแก่พนักงานสอบสวนเพื่อส่งมอบต่อให้แก่สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย นำไปส่งคืนแก่เจ้าของรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในลำดับต่อไป
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th