ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้เฝ้าระวังสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เชี่ยวชาญ พบว่าขณะนี้ ยังไม่มีการระบาดมากแต่ต้องจับตาดูแนวโน้มใกล้ชิด สายพันธุ์ที่พบมีหลายสายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์เอช1เอ็น1 (H1N1) หรือไข้หวัด 2009 สายพันธุ์ เอช3เอ็น 2 (H3N2) และสายพันธุ์ บี และในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธุ์นี้ สายพันธุ์ที่พบส่วนใหญ่เป็นเอช 3 เอ็น 2
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปีจนถึงมีนาคมเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ ไทยจึงยังมีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการระบาดได้ ได้สั่งการให้ผู้ตรวจราชการเครือข่ายสุขภาพทุกเขต เข้มข้นในการป้องกันโรค โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดประสานงานกับโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ในการเฝ้าระวัง จัดระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยตามแนวทางการปฏิบัติของกระทรวงสาธารณสุข โดยหากพบผู้ป่วยให้แจกหน้ากากอนามัย 10–15 ชิ้น ให้ผู้ป่วยใส่ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสโอเซลทาร์มิเวียร์ทันทีในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่และในกลุ่มผู้ป่วยทั่วไปที่อาการไม่ดีขึ้นใน 2 วันและอาการรุนแรงเพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลทุกแห่งมียาเพียงพอแล้ว
นอกจากนี้ ให้จัดทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่เพื่อควบคุมโรค และให้อาสาสมัครสาธารณสุข ออกเคาะประตูบ้านให้ความรู้การดูแลส่งเสริมสุขภาพและเฝ้าระวังการเจ็บป่วยในชุมชนรวมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ความรู้แก่ประชาชนในการป้องกันโรค เน้นสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก เช่น โรงเรียน โรงงาน สถานประกอบการ ค่ายทหาร และสถานที่ที่มีการจัดกิจกรรมที่มีคนร่วมจำนวนมาก
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลในปี 2557 ที่ผ่านมาพบผู้ป่วย74,065 ราย เสียชีวิต 86 ราย ส่วนในปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยใกล้เคียงกันคือ ตั้งแต่ต้นปี 2558 ถึง23 กุมภาพันธ์ 2558 มีรายงานผู้ป่วย 10,032 ราย จำนวนผู้เสียชีวิต 8 ราย ผู้ที่เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในปีที่ผ่านมาและได้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ช้าส่วนกรณีที่มีข่าวทางโซเชียลมีเดีย พบการระบาดของไข้หวัดใหญ่ในรพ.แห่งหนึ่ง จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า มีผู้ป่วยแพร่เชื้อให้ผู้ป่วยรายอื่นเตียงใกล้เคียงและเจ้าหน้าที่ในแผนก มีผู้ป่วยรวมกันไม่ถึง 10ราย ไม่มีรายใดอาการหนัก ขณะนี้โรงพยาบาลได้เพิ่มมาตรการควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลและเฝ้าระวังต่อเนื่องแล้ว
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า โรคไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ สามารถป้องกันได้โดยการล้างมือบ่อยๆหากป่วยให้หยุดงานหยุดโรงเรียนจนกว่าจะหายผู้ป่วยใส่หน้ากากป้องกันโรคเมื่ออยู่ในชุมชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ พบแพทย์เพื่อพิจารณาให้ยาต้านไวรัสทันทีส่วนประชาชนทั่วไปหาก 48 ชั่วโมงแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรง เช่น หอบเหนื่อย ให้รีบพบแพทย์ทันที
สำหรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ในปี 2558 นี้ เป็นวัคซีนรวม 3 สายพันธุ์ แต่จะต่างจากปีที่แล้ว 2 สายพันธุ์ โดยสามารถป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 (an A/California/7/2009 (H1N1)pdm09-like virus) ส่วนที่ต่างคือสายพันธุ์เอ เอช 3 เอ็น 2 (an A/Switzerland/9715293/2013 (H3N2)-like virus) และสายพันธุ์ บี(a B/Phuket/3073/2013-like virus) โดยวัคซีนจะนำเข้าจากต่างประเทศถึงไทยประมาณปลายเมษายน เพื่อฉีดให้แก่กลุ่มเสี่ยงเร็วขึ้นกว่าปีที่แล้ว คาดว่าประมาณเดือนพฤษภาคม 2558 ขอแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอันตราย เช่น ผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ เข้ารับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี โดยกระทรวงสาธารณสุข จะได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อไป
1 มีนาคม 2558
ที่มา: http://www.thaigov.go.th