การประชุมทางไกลนโยบายอาชีวศึกษา

ข่าวทั่วไป Monday March 9, 2015 15:51 —สำนักโฆษก

พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และคณะผู้บริหาร สอศ. ร่วมประชุมทางไกลผ่าน Smart Classroom กับผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาทุกจังหวัดทั่วประเทศ เกี่ยวกับโครงการปณิธานความดี ภายใต้โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) และการขับเคลื่อนนโยบายอาชีวศึกษา เมื่อวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2558 ที่ห้องประชุม 4 สอศ.

เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้กล่าวในการประชุมว่า ผลการดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) ภายใต้โครงการปณิธานความดีปีมหามงคล ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม 2558 ที่ทำเนียบรัฐบาลและพื้นที่ในเขตกรุงเทพมหานคร 50 เขต ซึ่งมีสถานศึกษาทั้งในเขตกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ เข้าร่วม 24 แห่ง โดยมีครูผู้สอน นักศึกษา และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมโครงการในครั้งนี้กว่า 1,500 คน

การดำเนินงานโครงการถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจเข้ารับบริการตลอดระยะเวลา 3 วัน จำนวนกว่า 14,000 คน โดยแบ่งเป็นการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องรถจักรยานยนต์และซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน 13,135 คน การแนะแนวการศึกษาสายวิชาชีพเพื่อการมีงานทำที่ยั่งยืน 470 คน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรม อาทิ กองทัพบกอุปถัมภ์ช่างกล ขสทบ. ส่งนักเรียนเข้าร่วมในเขตบางซื่อและดุสิตวันละ 24 คน บริษัท BP Castrol สนับสนุนน้ำมัน 20 ลัง ทั้งยังได้มีการประชาสัมพันธ์เพื่อแนะนำการศึกษาอาชีวศึกษาใน 50 ศูนย์ด้วย

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เป็นโอกาสอันดีที่ได้พูดคุยกับผู้บริหารและคณาจารย์ในสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งในช่วงปัจจุบันจะเห็นว่างานทางด้านอาชีวศึกษามีบทบาทมากขึ้น มีงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมออกสู่สาธารณชนจำนวนมาก ซึ่งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการอาชีวศึกษา อาทิ โครงการอาชีวะอาสาในช่วงเทศกาลปีใหม่ เทศกาลสงกรานต์ โครงการ Fix It Center ภายใต้โครงการปณิธานความดีของรัฐบาล รวมทั้งหลักสูตรเตรียมอาชีวะ

การศึกษาในปัจจุบันเรามองว่าเป็นการศึกษาเพื่อการมีงานทำ กระทรวงศึกษาธิการมุ่งหมายให้เด็กและเยาวชนที่จบการศึกษาแล้วในทุกระดับมีงานรองรับ สามารถมีงานทำเพื่อสร้างตนเอง สร้างครอบครัว และเพื่อสร้างประเทศ นำไปสู่การแข่งขันกับประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มภูมิภาค และในระดับโลก ดังนั้น จึงได้ให้คำขวัญไว้ว่า “อาชีวะจะต้องสร้างชาติ” โดยเราจะสร้างชาติด้วยอาชีวะ

โอกาสนี้ รมว.ศึกษาธิการ ได้ประชุมทางไกล โดยได้กล่าวถึงจุดเน้นนโยบายด้านอาชีวศึกษา ดังนี้

  • เพิ่มสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษา ในปีการศึกษา 2558 กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการร่วมกับคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมาสัดส่วนผู้เรียนระหว่างสายสามัญกับสายอาชีวะยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงศึกษาธิการต้องการ เนื่องจากคนไทยยังมีค่านิยมให้ลูกหลานรับปริญญา แต่ในสภาพความเป็นจริง ผู้ที่จบระดับปริญญาตรีสายสามัญส่วนใหญ่ยังคงตกงาน มีจำนวนเกินกว่าครึ่งที่ต้องออกมาหางานทำ และยังไม่สามารถหางานทำได้ทันทีเมื่อจบการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการจึงพยายามปรับทัศนคติของเยาวชนในยุคปัจจุบัน ให้เห็นความสำคัญและสนใจที่จะเข้ามาเรียนอาชีวะให้มากขึ้น โดยเร่งดำเนินการให้เกิดผลในปีการศึกษา2558 นี้
  • เพิ่มความเข้มแข็งงานด้านอาชีวศึกษา ขณะนี้ สอศ.ได้จัดประชุมเตรียมการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับครูอาชีวะ ซึ่งในปัจจุบันยังมีสถานะเป็นครูอัตราจ้าง ทำงานหลายปี แต่สถานภาพไม่มั่นคงและได้รับเงินเดือนต่ำกว่าวุฒิ จึงได้เตรียมเสนอรัฐบาลให้กำหนดอัตราเป็นพนักงานราชการต่อไป คาดว่าจะสามารถนำเสนอเรื่องเข้าสู่คณะรัฐมนตรีได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • การอุดหนุนนักเรียนสายอาชีวะ กระทรวงศึกษาธิการได้เสนอของบประมาณเพื่อจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือประจำตัวให้กับนักเรียนนักศึกษาอาชีวะในทุกสังกัด ซึ่งขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบและอนุมัติงบประมาณเพื่อจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวในปีงบประมาณ 2558 กว่า 400 ล้านบาท และงบประมาณต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป
  • การจัดการเรียนการสอนสายสามัญคู่ขนานกับสายอาชีพ จากการที่นักเรียนสายสามัญเมื่อจบการศึกษาก็จะได้รับวุฒิในระดับ ม.3 หรือ ม.6 และจะไม่มีความรู้ด้านอาชีพ ซึ่งมีเด็กจำนวนมากที่ออกไปจากระบบการศึกษาในช่วงนี้ ทำให้ต้องไปทำงานเป็นแรงงานไร้ฝีมือ กระทรวงศึกษาธิการจึงต้องการที่จะเพิ่มความรู้ด้านอาชีวะคู่ขนานกับการเรียนสายสามัญ คือเรียน 2 สายในเวลาเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าเด็กจะเรียน ม.3 หรือ ม.6 เมื่อจบการศึกษาก็จะได้รับประกาศนียบัตรทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษา โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ สอศ.หารือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงบประมาณ เพื่อจัดสรรงบประมาณสมทบเพิ่มแก่เด็กเหล่านี้ จากนั้นจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป หากรัฐบาลให้การสนับสนุน ก็เชื่อว่าเด็กที่เรียนสายอาชีวะควบคู่ไปด้วย เมื่อจบแล้ว แม้ไม่ได้เรียนต่อ ก็จะมีวิชาชีพติดตัวและสามารถนำประกาศนียบัตรไปสมัครงานหรือทำงานส่วนตัวได้
  • การขยายความร่วมมือทวิภาคีกับภาคเอกชน ปัจจุบัน สอศ.ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในสถานประกอบการจำนวนมาก และกำลังขยายความร่วมมือออกไปให้มากยิ่งขึ้น ทั้งความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าไทย สภาการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยจะมีการจัดทำความร่วมมือทวิภาคี และการจัดสหกิจศึกษาให้มากขึ้นด้วย ในส่วนของความร่วมมือกับต่างประเทศนั้น ได้ลงนามความร่วมมือกับหลายประเทศแล้ว เช่น เยอรมนี อิสราเอล ฯลฯ
  • โครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) ภายใต้โครงการปณิธานความดีปีมหามงคล ภายหลังจากที่ได้จัดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 3-5 มีนาคม 2558 ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดียิ่งแล้ว ก็จะขยายไปยังพื้นที่ทั่วประเทศ โดยได้กำหนดจัดขึ้นในทุกจังหวัด ระหว่างวันที่ 9-11 มีนาคม 2558 โดยความร่วมมือจากสถานศึกษาอาชีวะของรัฐ และสถานศึกษาอาชีวะเอกชน 400 กว่าแห่ง ซึ่งจะช่วยทำให้เด็กได้รู้จักกัน ได้ร่วมกันทำงานในลักษณะจิตอาสา อันจะส่งผลให้ประชาชนและนักศึกษาที่ออกไปทำงานได้รับประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆ จะได้รับประสบการณ์ในการทำงานจริง ได้เห็นงานจริง นอกเหนือจากการเรียนในห้องเรียน ถือเป็นประสบการณ์สำคัญที่จะทำให้เด็กมีความภาคภูมิใจในการทำความดีเพื่อสังคม

รมว.ศึกษาธิการ ได้ขอให้ สอศ.รับบริจาคอุปกรณ์ไฟฟ้าเก่าหรือที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อนำมาซ่อมแซมและบริจาคให้แก่คนยากจนต่อไป และขอให้ทุกจังหวัดจัดกิจกรรมแนะแนวการเรียนสายอาชีวะแก่เด็กและเยาวชน เพื่อเป็นการส่งเสริมการเพิ่มสัดส่วนผู้เรียนสายอาชีวะให้มากขึ้น หากสถานศึกษาอาชีวะใดๆ ที่มีกิจกรรมน่าสนใจ ควรนำไปเผยแพร่หรือให้บริการประชาชนในศูนย์เดียวกันหรือใกล้เคียงได้ เพื่อเป็นการเพิ่มการให้บริการด้านอื่นๆ แก่ประชาชน

นอกจากนี้ ขอความร่วมมือจากสถานศึกษาอาชีวะทุกแห่ง ใช้จ่ายงบประมาณต่างๆ ทั้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ให้เป็นไปตามแผนงานโครงการด้วยความโปร่งใส ถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาในภายหลัง

ภาพ สถาพร ถาวรสุข

นวรัตน์ รามสูต

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ