นายวิเชียร กล่าวว่า เนื่องจากพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ๑๔)พ.ศ.๒๕๕๘ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๘ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป โดยเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ เนื่องจากการจัดโครงสร้างส่วนราชการของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ที่ผ่านมา ได้แยกงานด้านนโยบาย ด้านวิชาการ และด้านการปฏิบัติในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ออกจากกัน ทำให้เกิดปัญหาความซับซ้อนในการปฏิบัติงานและส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน จึงสมควรปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการขึ้นใหม่ โดยรวมงานด้านนโยบาย ด้านวิชาการ และด้านการปฏิบัติของกลุ่มเป้าหมายเดียวกันให้อยู่ในส่วนราชการเดียวกัน เพื่อให้สามารถกำหนดเป้าหมาย และทิศทาง การปฏิบัติงานของส่วนราชการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน รวมทั้งเป็นการประหยัดทรัพยากรภาครัฐให้มากยิ่งขึ้น
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า พระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้ กำหนดให้มีส่วนราชการทั้งสิ้นจำนวน ๗ หน่วยงาน คือ สำนักงานรัฐมนตรี สำนักงานปลัดกระทรวงฯ กรมกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ สามารถขับเคลื่อนงานรองรับภารกิจตามโครงสร้างใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงได้จัดโครงการมหกรรมรวมพลัง สร้างสรรค์ งานพัฒนาสังคม ครั้งที่ ๑ ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อชี้แจงให้หัวหน้าหน่วยงาน ได้รับทราบการปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ตามกลุ่มภารกิจภายใต้กรมใหม่ และให้หัวหน้าหน่วยงานทำความเข้าใจการทำงานกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ผู้บริหารของกระทรวงฯ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่ หัวหน้าส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงฯ ผู้อำนวยการสำนัก/กอง/ศูนย์ และเทียบเท่าในสังกัดกระทรวงฯ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ และหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น ๕๔๐ คน
"การปรับโครงสร้างในครั้งนี้ จะทำให้การขับเคลื่อนงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นไปด้วยความสะดวก เรียบร้อย ราบรื่น ซึ่งบริการที่มีให้แก่ประชาชนจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จะต้องไม่สะดุดหรือมีปัญหา เนื่องจากการปรับโครงสร้างใหม่ของกระทรวงฯ จะไม่มีข้ออ้างใดๆระหว่างการเปลี่ยนผ่านโครงสร้าง การบริการให้ประชาชนเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเรียบร้อย ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ มีความคาดหวังให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนกลุ่มเป้าหมายรองรับสถานการณ์ทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งเกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานร่วมกันของหน่วยงานทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคให้เกิดการบูรณาการการทำงานแบบครบวงจร และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป”นายวิเชียร กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th