ดร.พิเชฐ พูดถึง LCA ว่า มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว กฎระเบียบข้อบังคับทางการค้าระหว่างประเทศ ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดย LCA เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะให้ข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่การผลิตอย่างครบวงจร ทั้งทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้ พลังงานและสารเคมีที่เป็นปัจจัยนำเข้าในกระบวนการผลิต ทั้งกระบวนการผลิต การนำไปใช้ และการกำจัดของเสีย ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการขนส่งสินค้า อีกทั้งยังรวมถึงผลผลิตที่ปลดปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม น้ำ และขยะ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญสำหรับการเลือกใช้สินค้าของผู้บริโภคในตลาดโลก จากนี้ไปการจำหน่ายสินค้าและการบริการต้องระบุตัวเลขเชิงสมรรถนะของผลิตภัณฑ์ องค์กร และประเทศ รวมถึงมลพิษและทรัพยากรที่ใช้อย่างครบถ้วน เพราะเป็นสัญญาณสำคัญของการส่งออกผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นเรื่องของการปลูกฝังค่านิยมให้คนใช้ทรัพยากรธรรมชาติของโลกที่มีอยู่จำกัดอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การอนาคตที่ยั่งยืนต่อไป
สุดท้าย ดร.พิเชฐ เชิญชวนภาคเอกชนให้มาร่วมมือกับภาครัฐในการสร้างความตระหนักกับสังคมเพื่อพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เพราะ LCA เป็นกลไกสำคัญของตลาดการค้าระหว่างประเทศ ผลิตภัณฑ์จะขายได้หรือไม่ในอนาคต จะเริ่มต้นที่ข้อมูลที่รัฐและเอกชนทำร่วมกัน นำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ไม่เพียงแต่ของประเทศไทย แต่รวมถึงความเข้มแข็งของกลุ่มประเทศอาเซียนในอนาคต
ดร.พิเชฐ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นการหารือกันเพื่อที่จะลงไปดูในรายละเอียดว่าวิธีการที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะสามารถตอบสนองการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อมของโลก แต่ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องการค้า จากนี้ไปการผลิตสินค้าหรือการให้บริการใดๆ จะต้องมีการระบุถึงปริมาณของมลพิษหรือปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ เราก็จำเป็นที่จะต้องรีบทำ เพราะในอนาคตจะส่งออกลำบาก หากเราไม่มีข้อมูลพวกนี้ การที่จะทำตรงนี้ได้จะต้องมีความเข้าใจ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ได้ทำเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการไปดูข้อมูลตั้งแต่ต้นจนจบของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่วัสดุดิบ การขนส่งวัสดุดิบ การผลิตและบรรจุภัณฑ์ของโรงงาน ล้วนแต่มีมลภาวะที่จะต้องรู้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยี และมีระบบการตรวจสอบที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้เกิดการยอมรับสินค้าส่งออก การทำความเข้าใจกับสหประชาชาติ และสหภาพยุโรป จะเป็นจุดตั้งต้นจุดหนึ่ง นอกเหนือจากการทำความเข้าใจกับรายประเทศที่จะค้าขายกับเราในอนาคต
ผู้เขียนข่าว : นายปราโมทย์ ป้องสุธาธาร กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ
ถ่ายภาพ : นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์ และ นางสุนิสา ภาคเพียร นาวงษ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th