ดังนั้น เพื่อให้การป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายป่าไม้และทรัพยากรของชาติอื่นๆ ในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมตามแผนแม่บทฯ กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการให้ทุกจังหวัดถือปฏิบัติตามแนวทางและข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยในการเข้าควบคุม การสอบสวนคดีเกี่ยวกับป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอย่างเคร่งครัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือนายอำเภอ แล้วแต่กรณี แจ้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตามแผนแม่บทดังกล่าว สำหรับการปฏิบัติงานด้านการป้องกันรักษาทรัพยากรป่าไม้ได้กำชับให้ทุกจังหวัด อำเภอ ยึดถือปฏิบัติตามแผนแม่บทแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้ฯ และข้อสั่งการของพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในบทบาทของกระทรวงมหาดไทยที่ต้องบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเข้มงวดกวดขันตรวจสอบดูแลพื้นที่ป่า ที่สาธารณะ เขตอุทยานต่างๆ ไม่ให้มีการเข้าไปบุกรุกเพิ่มขึ้นอีกเป็นอันขาด
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันสถานการณ์การบุกรุกทำลายป่าได้ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างรุนแรง ดังเช่นในขณะนี้ที่กำลังเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งหลายพื้นที่ต้องประสบปัญหาไฟป่า อันเนื่องจากอากาศแห้งแล้งและร้อนจัด ธรรมชาติป่าขาดความสมดุล รวมทั้งที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ที่ลักลอบเผาป่าหรือเผาเพื่อการเกษตร จนเป็นเหตุให้เกิดไฟป่าและวิกฤตปัญหาหมอกควันส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน รวมไปถึงเศรษฐกิจ สังคม และการท่องเที่ยวในภาพรวมของประเทศ ดังนั้น การปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้ของชาติไม่ให้ถูกบุกรุกทำลาย จึงถือเป็นภารกิจสำคัญอย่างยิ่งที่กระทรวงมหาดไทยจะได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ผนึกกำลังร่วมกันเพื่อดูแลรักษา ปกป้อง ทรัพยากรสำคัญของชาติให้คงอยู่กับประเทศไทยตลอดไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th