นายวิเชียร กล่าวว่า จากกรณีกลุ่มเอ็นจีโอ ด้านสิทธิมนุษยชนของกลุ่มหญิงรักหญิง ชายรักชาย และเครือข่ายต่างๆจัดเวทีเสวนา ระดมสมองในหัวข้อ "เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสไม่ได้ มีช่องทางกฎหมายใดที่ช่วยคุ้มครองชีวิตคู่และครอบครัวที่หลากหลาย" เพื่อช่องทางการแก้ไขกฎหมายให้กับเหล่าคู่รัก กลุ่มหญิงรักหญิง ชายรักชาย ผู้ที่รักสองเพศ หรือผู้ที่รักข้ามเพศ ซึ่งปัจจุบันได้รับผลกระทบจากกฎหมายไม่สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆร่วมกัน ซึ่งมีกรณีตัวอย่างบางรายที่เป็นคู่หญิงรักหญิงไม่สามารถเซ็นรับรองการรักษาพยาบาล เพราะถูกมองเป็นคนนอก ทำให้คู่รักเสียชีวิต ที่กรุงเทพฯ และกรณีเครือข่ายผู้หญิงเรียกร้องว่า ผู้หญิงต้องการแสดงตนให้เข้าถึงศาสนาโดยวิธีการบวช ซึ่งเป็นการใช้สิทธิตามพุทธวจนของพระพุทธเจ้า และใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า "ห้ามมิให้เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ" แต่ พ.ร.บ.คณะสงฆ์กลับห้ามไม่ให้ภิกษุณีบวชในไทย ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ จึงขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เสนอแนะไปยังฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายที่ดูแลกำกับมหาเถรสมาคม (มส.) ว่ามีกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และถึงเวลาที่จะมีการปฏิรูปพระพุทธศาสนา โดยทั้งสองกรณีตนได้มอบหมายให้กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) เป็นหน่วยงานหลักในการตรวจสอบรายละเอียดข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
“กรณีเด็กชายข้าวปุ้นวัย ๑๑ ปี ชาวจังหวัดพิษณุโลก ป่วยเป็นออทิสติกสมาธิสั้น แต่มีความสามารถในการอ่านออกเสียงภาษาไทย และสามารถคว้าเหรียญทองระดับชาติพร้อมเกียรติบัตร จากแข่งขันการอ่านออกเสียงภาษาไทยในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียนระดับชาติ ครั้งที่ ๖๔ ขอชื่นชมเด็กชายคนนี้และถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของผู้พิการทั่วประเทศ รวมทั้งชื่นชมผู้ปกครองที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการดูแลเอาใจใส่และเข้าใจบุตรหลานที่เป็นเด็กพิเศษ ซึ่งทำให้สังคมเชื่อว่าเด็กพิเศษทุกคนมีความสามารถเหมือนคนปกติทั่วไป” นายวิเชียร กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th