นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความขอบคุณเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในการกระชับความสัมพันธ์ ไทย - ญี่ปุ่นให้ใกล้ชิดและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกระดับ นายกรัฐมนตรีหวังว่าเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นจะยังคงเป็นมิตรที่ดีของประเทศไทย และช่วยสนับสนุนความร่วมมือ ตลอดจนส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศต่อไป นายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้หารือถึงความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น โดยนายกรัฐมนตรีและเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นต่างเห็นพ้องกันว่า นับตั้งแต่ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาดำรงตำแหน่งนั้น ได้มีโอกาสพบหารือกับนายชินโส อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมากถึง 4 ครั้ง และทุกครั้งทั้งสองฝ่ายก็ต่างรู้สึกประทับใจและมีผลการหารือที่เป็นรูปธรรม จึงนับเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าผู้นำทั้งสองต่างให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ และแสดงความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยตลอดระยะเวลา 2 ปี 5 เดือน ที่ผ่านมา สำหรับญี่ปุ่นนั้น ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ด้านเศรษฐกิจ ญี่ปุ่นมีความร่วมมือกับไทยมากที่สุดและเป็นประเทศที่ลงทุนในประเทศไทยมากเป็นลำดับหนึ่ง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นและไทยยังมีความสัมพันธ์ที่ดีในระดับประชาชน โดยปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเป็นจำนวนมากถึง 650,000 คนและคาดว่านักท่องเที่ยวไทยจะไปเที่ยวญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าไทยและญี่ปุ่นต่างเป็นมิตรประเทศที่ใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์ที่ดีในทุกระดับ การได้มาดำรงตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งในแง่การเสริมสร้างการลงทุนและการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นได้แสดงความสนับสนุนต่อเรื่องการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล พร้อมอวยพรให้นายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จ
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการหารือกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสหประชาชาติระดับโลกว่าด้วยการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองเซนได นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าทั้งสองประเทศยืนยันที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันอย่างครอบคลุม ทั้งเรื่องการพัฒนาระบบรางในไทย โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และการจัดการภัยพิบัติ นายกรัฐมนตรีหวังว่าญี่ปุ่นจะเร่งรัดติดตามในเรื่องหลักการ รูปแบบ และขั้นตอนต่างๆ ในเรื่องระบบรางและโครงการทวายฯเพื่อขับเคลื่อนรายละเอียดความร่วมมือดังกล่าวโดยเร็วต่อไป นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอให้ญี่ปุ่นช่วยผลักดันเรื่องการเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มเติมให้ไทย และการพัฒนาบุคลากรด้านยานยนต์ด้วย ซึ่งหากญี่ปุ่นเปิดตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มเติมให้ไทย ไทยก็ยินดียกเลิกเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าเกษตรจาก 3 จังหวัดของญี่ปุ่นที่ไทยกังวลว่ามีความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี
ที่มา: http://www.thaigov.go.th