วันนี้ (19 มีนาคม 2558) ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำนักงานใหญ่บางเขน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ได้เปิดแถลงข่าว ธ.ก.ส. กับการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และการพัฒนาทายาทเกษตรกรมืออาชีพ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้ร่วมมือกับสถาบันเพื่อการพัฒนาเกษตรและชนบท
ภายใต้มูลนิธิอาจารย์จำเนียร สาระนาค (มจส.) ซึ่งมีนายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ เป็นประธานมูลนิธิฯ โดยมอบทุนการศึกษาให้กับโครงการทายาทเกษตรกรมืออาชีพ อีกทั้งสนับสนุนให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการสร้างผลผลิตทางการเกษตรที่ปลอดภัยต่อทั้งตนเองและผู้บริโภค เพื่อสร้างความสมดุลของระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม
ในแปลงผลิตทางการเกษตรและเป็นการเพิ่มมูลค่าผลผลิตเกษตรอินทรีย์อย่างครบวงจร
นายลักษณ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส. และ มจส. ได้ร่วมมือจัดทำโครงการทายาทเกษตรกรมืออาชีพ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่มารับช่วงแทนเกษตรกรที่มีอายุมากขึ้น ให้เป็นเกษตรกรมืออาชีพ มีความมั่นใจ มีศักดิ์ศรี มีความยั่งยืนในการดำรงชีวิตด้วยอาชีพเกษตรกรรมแบบอินทรีย์ รวมถึงการพัฒนาการผลิตและการตลาดให้กับผลผลิตทางการเกษตรแบบอินทรีย์ด้วย โดยรุ่นที่ 1 ได้ดำเนินการเมื่อปี 2557 จำนวน
50 ราย ผ่านหลักสูตร 37 ราย ผลปรากฏว่า ผู้ผ่านหลักสูตรทุกคนสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่เกษตรของตน มีความมั่นใจในการประกอบอาชีพมากขึ้นและสามารถเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการตลาดในชุมชนได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นในปีนี้ ธ.ก.ส. และ มจส. จึงได้ร่วมกันจัดโครงการทายาทเกษตรกรมืออาชีพ รุ่นที่ 2 โดยจะเปิดรับสมัครในวันที่ 1 – 30 เมษายน 2558 รับสมัครบุตรหลานเกษตรกรลูกค้าและผู้นำชุมชนเศรษฐกิจพอเพียง ที่มีความตั้งมั่นจะกลับมารับใช้ชุมชนเกษตรอินทรีย์ อายุระหว่าง 20 – 40 ปี จำนวน 200 ราย เพื่อพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นทายาทเกษตรกรมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านเกษตรอินทรีย์แต่ละด้าน เช่น การปลูกข้าว มันสำปะหลัง ประมงน้ำจืด รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมต่างๆ จากการปฏิบัติจริง โดยได้ร่วมมือกับสถานศึกษาชั้นนำประกอบไปด้วย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ.) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ม.ก.) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ (มจ.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี (ม.อบ.) และวิทยาลัยเกษตรกรรมทั่วประเทศ
ในปี 2557 ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. ได้สนับสนุนงบประมาณส่งเสริมเกษตรกรให้รวมกลุ่มกันทำเกษตรอินทรีย์ โดยให้กลุ่มลูกค้าจัดทำแปลงสาธิตเกษตรอินทรีย์ชุมชนขึ้น เพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ของสมาชิกและผู้ที่สนใจทั่วไปจำนวน 131 แห่ง เกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 1,607 คน พื้นที่การผลิต 5,832 ไร่ และจะขยายผลในปีนี้ โดยการฝึกอบรมพนักงานในแต่ละสาขาให้สามารถส่งเสริมสนับสนุนการทำเกษตรอินทรีย์ให้แก่เกษตรกรเพื่อผลิตอาหารปลอดภัย และจะขยายการทำเกษตรอินทรีย์ภายใต้โครงการหนึ่งสาขาหนึ่งชุมชนเกษตรอินทรีย์ ให้ครบทุกสาขาทั่วประเทศในปี 2560 โดยร่วมมือกับเครือข่ายภาครัฐและเอกชนเพื่อขับเคลื่อนการผลิตเกษตรอินทรีย์อย่างยั่งยืนต่อไป
นอกจากนี้ รศ.ดร.นายแพทย์พิชิต สุวรรณประกรณ์ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยากสภากาชาดไทย กล่าวว่า ทางมูลนิธิได้ร่วมมือกับ ธ.ก.ส. และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อส่งเสริมการผลิตและการตลาดเกษตรอินทรีย์ โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินโครงการนำร่องที่ชุมชนหมู่บ้านดอนศาลเจ้า ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ด้วยการสนับสนุนการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และอนุญาตให้ใช้ตรา “ ” และส่งผักปลอดสารพิษจำหน่ายที่ Tops Supermarket ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีความมั่นใจการผลิตเกษตรอินทรีย์และยังสร้างความประทับใจให้แก่ผู้บริโภค ทั้งนี้มูลนิธิฯ จะขยายการดำเนินโครงการไปยังชุมชนอื่นๆ ที่มีความพร้อม ทั้งการรวมกลุ่มและการจัดการ ซึ่งมูลนิธิฯ ได้มอบเงินทุนให้แก่ ธ.ก.ส. เพื่อนำไปหมุนเวียนซื้อสินค้าจากเกษตรกรแล้วจังหวัดละ 50,000 บาท
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสมนึก ยอดดำเนิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ บริษัท เซ็นทรัล ฟู๊ด รีเทล จำกัด กล่าวยืนยันว่า เซ็นทรัลกรุ๊ป ยินดีสนับสนุนเกษตรกรให้ผลิตสินค้าอินทรีย์เพราะผู้บริโภคตอบรับอาหารปลอดภัยมากขึ้น ที่สำคัญคือทางท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู๊ด ฮอลล์ ภูมิใจที่มีส่วนสนับสนุนเกษตรกรโดยตรงและอยากฝากบอกเกษตรกรว่าไม่ต้องห่วงเรื่องการตลาด ขอเพียงเกษตรกรมีการจัดการที่ดีและผลิตสินค้าให้ตรงตามมาตรฐานซึ่งทางเซ็นทรัลยินดีรับเป็นผู้จำหน่ายให้
ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ที่มา: http://www.thaigov.go.th