นายวิเชียร กล่าวว่า สถานการณ์ทางสังคมปัจจุบัน รัฐบาลมีนโยบายที่มุ่งมั่นจะเสริมสร้างสังคมไทยให้เข้มแข็ง คนในชาติอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันด้วยคุณธรรม ความเอื้ออาทร และความสมานฉันท์ โดยยึดมั่นหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินงานเป็นสำคัญ นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำรงชีวิต และเคารพศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตระหนักถึงความสำคัญในการสร้างสังคมคุณภาพบนพื้นฐานความรับผิดชอบร่วมกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมทั้งส่วนกลางและภูมิภาคในฐานะที่เป็นองค์กรหลักภาครัฐและองค์กรหลักภาคเอกชนในด้านสังคมสงเคราะห์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคม อีกทั้งการพัฒนาสังคม ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยฯจึงตกลงทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเสริมสร้างสังคมคุณภาพบนพื้นฐานความรับผิดชอบร่วมกัน
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มีการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการทำงานด้านต่างๆ ได้แก่ ๑)ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการดูแลปัญหา และพัฒนาระบบสวัสดิการสังคม เพื่อสร้างโอกาสและเอื้อให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาสสามารถช่วยเหลือตนเองได้ ๒)ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันขับเคลื่อนกิจกรรม โครงการ เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างความเข้มแข็งของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการ กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มสตรีและสถาบันครอบครัว ๓)ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันสนับสนุนบทบาทและความคิดริเริ่ม ในงานส่งเสริมความเข้มแข็งของการสร้างจิตอาสา อาสาสมัคร เครือข่ายองค์กรสมาชิก องค์กรสาธารณประโยชน์ ตลอดจนชุมชน ท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และ ๔)ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมมือกันขับเคลื่อน การพัฒนาสังคมทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคโดยในการดำเนินการอาจจัดให้มีคณะกรรมการ หรือคณะอนุกรรมการ หรือรูปแบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
"ทั้งนี้ การตกลงทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการเสริมสร้างสังคมคุณภาพบนพื้นฐานความรับผิดชอบร่วมกันในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการบูรณการระหว่างหน่วยงานหลักด้านสังคม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในสังคม ส่งผลให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายต่อไป” นายวิเชียร กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th