นรม. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว

ข่าวทั่วไป Monday March 30, 2015 13:48 —สำนักโฆษก

ที่ประขุมมีมติเห็นชอบให้การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร จำนวน 229 รายในวงเงินประมาณ 52 ล้านบาท พร้อมเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าวนาปรัง ปี 2558

วันนี้ (30 มี.ค.58) เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุมตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ครั้งที่ 2/2558 ทั้งนี้มี หม่อมราชวงศ์ ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายปิติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนตัวแทนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยมีนางสาวชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรรมการและเลขานุการเข้าร่วมประชุม โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่าการประชุมวันนี้ มีเรื่องสำคัญที่จำเป็นต้องพิจารณากันโดยรอบคอบ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของเกษตรกรโดยเฉพาะชาวนาเป็นสำคัญ ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีขอให้กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมมือกับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนในการเปิดเวทีเจรจากันเพื่อผนึกกำลังกัน ในการส่งออกข้าวไปยังตลาดโลกให้เป็นไปในแนวทางที่รักษาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การส่งออกข้าวของกลุ่มประชาคมอาเซียนบรรลุเป้าหมาย และได้ราคาที่เหมาะสม

ที่ประชุมรับทราบ สถานการณ์ข้าวโลกโดยกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ ปีการผลิต 2557/58 ผลผลิตข้าวโลกจะมีประมาณ 474.86 ล้านตัน ลดลงจากปีการผลิต 2556/57 ร้อยละ 0.47 เนื่องจากผลผลิตข้าวอินเดียและปากีสถานลดลงเป็น 102.50 ล้านตัน และ 6.5 ล้านตัน ตามลำดับ ทั้งนี้ผลผลิตข้าวโลกดังกล่าวต่ำกว่าการบริโภคข้าวโลก ซึ่งมีปริมาณ 483.67 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 1.82 ในขณะที่ปริมาณสต็อกข้าวโลกต้นปี 2557/58 อยู่ที่ประมาณ 106.46 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 3.35 เนื่องจากสต๊อกข้าวของจีน อินเดีย และฟิลิปปินส์ ลดลงเหลือประมาณ 46.81 ล้านตัน 22.65 ล้านตัน และ 11.24 ล้านตัน ตามลำดับ และในปี 2558 คาดว่าการค้าข้าวโลกจะมีประมาณ 42.62 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนซึ่งมีปริมาณ 43.22 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 1.39 เนื่องจากคาดการณ์ว่าอินเดีย และปากีสถานจะส่งออกข้าวลดลงเหลือประมาณ 9.00 ล้านตัน และ 3.9 ล้านตัน ในขณะที่ฟิลิปปินส์ สหภาพยุโรป และแองโกลาจะนำเข้าข้าวลดลง เป็น 1.70 ล้านตัน 1.50 ล้านตัน และ 0.45 ล้านตัน ตามลำดับ

ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2558 ไทยส่งออกข้าวมากที่สุดประมาณ 1.47 ล้านตัน รองลงมาเป็นอินเดีย 1.46 ล้านตัน ปากีสถาน 0.95 ล้านตัน และเวียดนาม 0.78 ล้านตัน อีกทั้ง ราคาส่งออกข้าวขาวของไทยสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแม้ว่าจะทรงตัว และปรับตัวลดลงโดยข้าวขาว 5% สูงกว่าคู่แข่ง ตันละ 10 - 45 เหรียญสหรัฐฯ ข้าวขาว 15% สูงกว่าตันละ 40 - 65 เหรียญสหรัฐฯ และข้าวขาว 25% สูงกว่าตันละ 15 - 60 เหรียญสหรัฐฯ ขณะเดียวกันสถานการณ์ข้าวไทยคาดการณ์ว่าผลผลิตข้าวนาปีดูใหม่ออกสู่ตลาดเกือบทั้งหมด ประมาณ 26.88 ล้านตันคิดเป็นร้อยละ 99.17 และในเดือนมีนาคม 2558 ออกสู่ตลาดประมาณ 0.12 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 0.43 ซึ่งในเดือนมกราคม 2558 ปริมาณผลผลิตข้าวเปลือกเจ้ามีมากที่สุด ประมาณ 0.61 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบจากเดือนมกราคม 2557 ร้อยละ 7.07 รองลงมาเป็นข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวประมาณ 0.04 ล้านตัน และข้าวเปลือกเจ้าหอมมะลิ ประมาณ 0.03 ล้านตัน ตามลำดับ

ส่วนการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ 1 มกราคม - 25 มีนาคม 2558 ไทยส่งออกข้าวประมาณ 2.15 ล้านตัน มูลค่า 1,112 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (36,108 ล้านบาท) ลดลงจากช่วงเดียวกันของ ปี 2557 ซึ่งประมาณ 2.36 ล้านตัน มูลค่า 1,225 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 8.90 และ 9.22 ตามลำดับ ขณะที่ตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยส่วนใหญ่เป็นตลาดภูมิภาคแอฟริกา โดยมีสัดส่วนการส่งออกถึงร้อยละ 41.34 ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมาได้แก่ตลาดภูมิภาคเอเชีย อเมริกา และยุโรป ร้อยละ 39.22 ร้อยละ 8.66 และร้อยละ 5.23 ตามลำดับ นอกจากนี้แนวโน้มการส่งออกปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ประกอบกับตลาดนำเข้าข้าวในต่างประเทศพยายามที่จะเพิ่มพื้นที่การเพาะปลูกและเพิ่มผลผลิตข้าว เพื่อให้เพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ และลดการนำเข้าข้าว ได้แก่ อินโดนีเซีย และไนจีเรีย เป็นต้น ที่สำคัญประการหนึ่งตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญของไทยในภูมิภาคแอฟริกายังคงนิยมสั่งซื้อข้างนึง และปลายข้าวส่วนภูมิภาคเอเชีย และอเมริกา นิยมบริโภคข้าวหอมมะลิ ข้าวขาว และข้าวหอมปทุมธานี ในขณะที่ภูมิภาคยุโรปนิยมสั่งซื้อข้าวกล้องเป็นส่วนใหญ่

นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบการปรับเป้าหมายยุทธศาสตร์ข้าวไทย ปี 2558 - 2562 ซึ่งกรมการข้าวได้มีหนังสือแจ้งว่ามีความจำเป็นต้องขอปรับเปลี่ยนเป้าหมายยุทธศาสตร์ข้าวไทย ด้านการผลิตด้วยการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกและปริมาณผลผลิตข้าวให้เหมาะสม พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ตลอดจน การยกระดับและการเพิ่มมูลค่าข้าว ทั้งนี้ เพื่อให้ปริมาณข้าวเปลือกที่มีคุณภาพ และปลอดภัยจากแปลงผลิตข้าวดีได้รับการรับรองมาตรฐานในปี 2562 ไม่น้อยกว่า 10 ล้านตัน

พร้อมกันนี้ ที่ประขุมมีมติเห็นชอบให้การช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรจังหวัดพิจิตร จำนวน 229 รายในวงเงินประมาณ 52 ล้านบาท ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปีการผลิต 55/56 โดยใช้ ม.44 พร้อมเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อกข้าวนาปรัง ปี 2558 ด้วย

ตอนท้ายของการประชุม ที่ประชุมได้เห็นชอบการดำเนินงานของกรมการค้าต่างประเทศ ตามมติที่ประชุมฯ ครั้งที่ 1/2558 ซึ่งได้ดำเนินการแก้ปัญหาการปลอมปนข้าวหอมมะลิไทยในตลาดจีน พร้อมฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัทผู้ประกอบการค้าข้าวของไทยที่ไปร่วมมือปลอมปนข้าวหอมมะลิไทยกับผู้ประกอบการค้าจีน ซึ่งได้ประสานงานกับสำนักงานพาณิชย์ ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อตรวจติดตามผู้ประกอบการที่ปลอมปนข้าวพร้อมได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนทราบว่า “ข้าวหอมมะลิไทยกับข้าวหอมไทยมีความแตกต่างกัน” มีความแตกต่างกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวที่มาจากประเทศไทยจะใช้ชื่อว่า “ข้าวหอมมะลิไทย” เท่านั้น

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำกับกระทรวงพาณิชย์โดยให้พิจารณาจัดทำสัญลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทยให้ชัดเจนป้องกันการปลอมแปลง พร้อมการประชาสัมพันธ์ให้ชาวจีนเห็นความแตกต่างด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจนและมีความโดดเด่นไม่ความคล้ายคลึงกับบรรจุภัณฑ์จากข้าวที่ปลอมแปลง ตลอดจนประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงคุณค่าทางโภชนาการของ “ข้าวหอมมะลิไทย” บนบรรจุภัณฑ์ด้วย

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

พัณณ์วรินทร์ อินโท่โล่ รายงาน

ดวงใจ กล่อมใจ ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ