สธ.ดันกฎหมายโรคติดต่อฉบับใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพป้องกันควบคุมโรคติดต่อของประเทศ

ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดทำร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. .... ฉบับใหม่ เพื่อใช้ทดแทนฉบับเดิมที่ใช้บังคับมานานถึง 35 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมีการแพร่ระบาดของโรคติดต่อที่รุนแรงกว่าที่ผ่านมา ทั้งโรคติดต่อใหม่ และโรคติดต่อที่มีอยู่เดิมแต่หวนกลับมาระบาดใหม่ เช่น โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola virus disease) ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ขณะนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ. 2548 (International Health Regulations 2005) ซึ่งไทยเป็นประเทศสมาชิก ระบบการป้องกันควบคุมโรคติดต่อของประเทศจะได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ....ที่เปลี่ยนแปลงจากกฎหมายฉบับเดิม ได้แก่ ปรับปรุงคำนิยามของโรคติดต่อ โรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และโรคระบาดกลุ่มโรคติดต่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพิ่มคำนิยามการสอบสวนโรค การเฝ้าระวัง สุขาภิบาล และช่องทางเข้าออก เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน มีบทบัญญัติทั้งสิ้น 9 หมวด 60 มาตรา กำหนดให้มีคณะกรรมการโรคติดต่อระดับชาติและระดับจังหวัด เพื่อกำหนดนโยบาย มาตรการ หรือแนวทางปฏิบัติ ที่เชื่อมโยงการดำเนินงานระดับประเทศกับระดับพื้นที่ มีคณะกรรมการด้านวิชาการ ให้คำแนะนำแก่รัฐมนตรีในการประกาศเขตติดโรค และแก่อธิบดีในการประกาศโรคระบาดในประเทศ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ประกาศให้ช่องทางเข้าออกเป็นด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ มีการจัดทำระบบเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตราย โรคระบาด และโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง มีหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อทุกอำเภอ มีคณะทำงานประจำช่องทางเข้าออก เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการจ่ายค่าทดแทนความเสียหายจากการเฝ้าระวัง ป้องกัน หรือควบคุม รวมทั้งการเพิ่มอัตราโทษผู้ฝ่าฝืนสูงขึ้น

นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ... นี้ กรมควบคุมโรคได้แต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาและปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ.2523 มาตั้งแต่พฤษภาคม พ.ศ. 2553โดยผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้ว คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2555 และมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. ...ที่ผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558รวมทั้งมีการชี้แจงต่อคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการวิสามัญสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นที่เรียบร้อย โดยจะเสนอที่ประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันที่ 26 มีนาคม 2558 นี้ เพื่อผลักดันให้เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ต่อไป ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต้องระวางโทษ ตั้งแต่จำคุกไม่เกิน 1 เดือน - 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 10,000บาท - 5000,000 บาท

ที่มา: http://www.thaigov.go.th