วันนี้(26 มีนาคม 2558) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์อำนวย กาจีนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำหนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ร่วมกันแถลงข่าวการเดินหน้าพัฒนาระบบสุขภาพร่วมกันเป็นครั้งแรก ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กระชับความร่วมมือของ 2 หน่วยงานเดินหน้าพัฒนาระบบสุขภาพตามนโยบายรัฐบาล
นายแพทย์สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในความร่วมมือครั้งนี้ได้เตรียมตั้งคณะกรรมการจาก 2 หน่วยงาน เพื่อเป็นกลไกแก้ไขอุปสรรคการทำงานและขับเคลื่อนบูรณาการแผนการทำงานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เริ่มตั้งแต่การเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 2558 ให้ทันตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยจะโอนงบประมาณรายหัวให้หน่วยบริการต้นเมษายน 2558นี้ ให้ได้ร้อยละ 80 การร่วมกันผลักดันเพิ่มงบประมาณด้านสาธารณสุขและหลักประประกันสุขภาพ เน้นเพิ่มงบการจัดบริการสาธารณสุขในส่วนเงินงบประมาณในกระทรวงสาธารณสุข และงบการดูแลผู้สูงอายุของ สปสช. การออกแบบระบบการเก็บข้อมูลที่จะใช้ประโยชน์ร่วมกัน และการสนับสนุนนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารสุข ซึ่งนับจากนี้ไปทิศทางการทำงานทั้ง 2 หน่วยงานจะมีความชัดเจนขึ้น การทำงานเป็นเอกภาพ มุ่งเป้าหมายสูงสุดที่ประโยชน์สุขของประชาชนและความสุขของเจ้าหน้าที่
“เมื่อทิศทางการทำงานชัดเจนขึ้น จะมีการทำงานร่วมกันทั้งในระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการในพื้นที่ ความสับสนไม่มั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ก็จะหมดไป เมื่อมีปัญหาก็จะร่วมกันแก้ และถ้ามีข้อเสนอแนะ ก็นำมาพัฒนาร่วมกันบนฐานข้อมูลเชิงวิชาการและหลักฐานเชิงประจักษ์ เป็นการยืนยันว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์จริง เข้าถึงบริการอย่างมีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น หน่วยบริการมีการช่วยเหลือกันแบบพี่แบบน้อง และที่สำคัญคือมีกลไกการพิจารณาตัดสินใจร่วมกันระหว่างหน่วยงาน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและงานวิชาการและบริบทความเป็นจริง” นายแพทย์สุรเชษฐ์ กล่าว
นพ.ประทีป รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ในส่วนของการจัดการด้านงบประมาณในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสำหรับหน่วยบริการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขนั้น จะเร่งรัดให้โอนงบประมาณให้หน่วยบริการให้ได้ร้อยละ 80 ของงบเหมาจ่ายรายหัวทั้งหมดภายในต้นเดือนเมษายน 2558 นี้ ขณะเดียวกันในส่วนของการจัดทำคำของบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2559 นั้น จะมีการเพิ่มงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพกว่า10,000 ล้านบาท และจะเป็นปีแรกที่เริ่มมีงบประมาณเพิ่มเติมประมาณ 600 ล้านบาท เพื่อดูแลผู้สูงอายุแบบบูรณาการโดย สปสช.จะมีการนำปัญหา อุปสรรค ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นผลกระทบด้านบวกและผลกระทบด้านลบ มาปรับปรุงการบริหารจัดการกองทุนฯ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของหน่วยบริการตามแผนงานของกระทรวงสาธารณสุขให้มากที่สุด
“สำหรับการเดินหน้านโยบายเร่งด่วน 10 ข้อของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนั้น ในนโยบายที่ต้องมีการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและ สปสช. เช่น การดูแลสุขภาพผู้สูงอายุระยะยาว รองรับสังคมไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่ง สปสช.มีกลไกกองทุนร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือกองทุนหลักประกันสุขภาพอบต./เทศบาล กว่า 9,000 แห่งมีงบประมาณหมุนเวียนทั่วประเทศปีละกว่า 3,000 ล้านบาท ในการดำเนินการเพื่อให้ผู้สูงอายุ คนพิการ ผู้ป่วยอัพฤกษ์ อัมพาต เด็กเล็กเข้าถึงบริการเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไปแต่ละกองทุนของอบต./เทศบาล จะมีการกันเงินรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทเพื่อให้ผู้สูงอายุ คนพิการและเด็กเล็กได้รับการบริการเพิ่มมากขึ้น และในปี 2559 สปสช.ได้เพิ่มงบประมาณอีกกว่า 600 ล้านบาทเพื่อจัดบริการผู้สูงอายุในชุมชน”รองเลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า
ที่มา: http://www.thaigov.go.th