นายกรัฐมนตรีเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่)

วันนี้ (3 เมษายน 2558) เวลา 07.30 น. ณ อาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) กองคลังยุทโธปกรณ์สรรพาวุธ ถนนพระรามที่ 5 เขตดุสิต กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานสถาปนาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ครบ 106 ปี และพิธีเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) โดยมีพลตรี ฐิตินันท์ อุตมัง ผู้บัญชาการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก ข้าราชการทหาร ศิษย์เก่าโรงเรียนเสนาธิการทหารบก สื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) ได้วางพานพุ่มและเปิดกรวยกระทงดอกไม้ จุดเทียน ธูป เครื่องทองน้อย เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณของ จอมพลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนเสนาธิการทหารบก จากนั้นได้ทำพิธีเจริญพุทธมนต์ ถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ต่อด้วยทำพิธีเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่)

ผู้บัญชาการโรงเรียนเสนาธิการทหารบก กล่าวรายงานถึงประวัติความเป็นมาว่า เมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีเคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ได้อนุมัติให้มีการสร้างอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) ณ พื้นที่แห่งนี้ ซึ่งเดิมคือกองคลังยุทโธปกรณ์สรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก โดยเริ่มดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2556 มีระยะเวลา 600 วัน เป็นอาคารสูง 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยกว่า 25,000 ตารางเมตร ทั้งนี้ ทำให้โรงเรียนดังกล่าวมีอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการพัฒนาการศึกษาและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สามารถใช้ในการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง เพิ่มขีดความสามารถในการจัดการศึกษาและการปฏิบัติงานของข้าราชการ นักศึกษาทหารในหลักสูตรต่าง ๆ เพื่อสามารถผลิตผู้บังคับบัญชาฝ่ายอำนวยการให้มีขีดความสามารถสูงขึ้นในการรองรับภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ ในสภาวะแวดล้อมในอนาคตได้

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบประกาศเกียรติคุณศิษย์เก่าดีเด่น จำนวน 8 ท่าน ดังนี้ 1) พลเอกนิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม รุ่น 65 2) พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รุ่น 63 3) พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รุ่น 63 4) พลเอกฉัตรชัย สาลิกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รุ่น 64 5) พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รุ่น 66 6) พลเอกศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม รุ่น 63 7) พลเอกวรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด รุ่น 64 8) พลเอกอุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบก รุ่น 65

พร้อมกล่าวแสดงความยินดีว่า วันนี้ได้มีการเปิดอาคารโรงเรียนเสนาธิการทหารบก (แห่งใหม่) เพื่อการศึกษาเล่าเรียนที่มีคุณภาพและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพต่อประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะประสบความสำเร็จได้ต้องมาจากความร่วมมือของทุกคนตั้งแต่ครู อาจารย์ ผู้บังคับบัญชา และนักเรียน

เสนาธิการทหารบก อีกทั้ง รัฐบาลได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาทั้งสายระบบปกติและสายทหารต้องมีการปฏิรูปการศึกษาทุกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนก่อให้เกิดความยากลำบากในการแก้ปัญหา นอกจากนี้ การศึกษาทางทหารนั้นสอนให้ทุกคนมีระเบียบวินัยและมารยาทของทหารอย่างเคร่งครัด และรู้จักในการนำข้อมูลต่าง ๆ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการเรียนการสอน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด

ส่วนของการตัดสินใจในการใช้อำนาจทางผู้บังคับบัญชานั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จำเป็นต้องมีข้อมูลที่ครบถ้วน จะเห็นได้ว่า มีระเบียบขั้นตอนต่าง ๆ และผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ นอกจากนี้ สิ่งที่ตนนำมาใช้ในการทำงานวันนี้คือ พื้นฐานทางทหาร ซึ่งได้มีการนำมาใช้ในการทำงานประสานงาน การบูรณาการ และการทำงานร่วมกัน เพราะถ้าหากทำงานแยกกระทรวงกันอยู่เหมือนเดิมตามพันธกิจ ภารกิจที่มีอยู่และงบประมาณแยกกันก็ไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้เพราะฉะนั้นสิ่งที่ทำในวันนี้ รัฐบาลได้เข้ามาบริหารราชการในช่วง 4-5 เดือนแรกยังไม่สามารถทำอะไรไม่ได้มาก พอประมาณ 6 เดือนก็ได้มีการวางพื้นฐานแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นปัญหาที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน

คงจะต้องใช้เวลาในการเดินหน้าต่อไปตาม Roadmap ที่มีอยู่ นอกจากนี้ ในส่วนของประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า ซึ่งทุกคนต้องเริ่มต้นสร้างกระบวนการทางความคิดใหม่ ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ถ้าข้อมูลเหล่านี้ไม่ครบ ข้อมูลจะไปคนละทิศคนละทาง ไม่มีจุดมุ่งหมายร่วมกัน ดังนั้น ทุกคนต้องคิดใหม่ต้องนึกถึงจุดมุ่งหมายที่เราเดินไปข้างหน้าว่าจะทำอะไร ประเทศชาติต้องการอะไร หลาย ๆ คนที่ไม่ใช่ทหารอาจจะไม่เข้าใจ หลายคนเกรงคำว่าอำนาจ อำนาจทหารคืออำนาจในการปกครองบังคับบัญชา และอำนาจในการทำศึกสงคราม สู้รบและช่วยเหลือประชาชนในยามปกติและศึกสงคราม ซึ่งมีการยึดถือมาโดยตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้น การปกครองบุคลากรสามถึงสี่แสนคนที่ถืออาวุธ ต้องอยู่ในกรอบ มีการหารือร่วมกัน หามติให้ได้ และสั่งการ ในส่วนที่สังคมกลัวการหลงอำนาจ ถือว่า "ยิ่งมีอำนาจ ยิ่งต้องระมัดระวัง" ส่วนคนที่ให้ความสนใจกับอำนาจมาก ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์และการกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และมองว่าปัญหาในวันนี้ มีเพราะคนในประเทศมองปัญหาต่างกัน จึงต้องมีอำนาจเพื่อทำในสิ่งที่ดีกว่าเดิม ต้องอาศัยความร่วมมือทุกคนในชาติ

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ชมพูนุท / รายงาน

ดวงฤดี/ตรวจ

ที่มา: http://www.thaigov.go.th