วันนี้ (3 เมษายน 58) เวลา 14.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบนโยบาย“การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์” เป็นวาระแห่งชาติ เร่งรัดบูรณาการทำงานของทุกกระทรวง ทบวง กรม เดินหน้าขจัดอุปสรรคด้านกฎระเบียบ พร้อมดำเนินการกับผู้กระทำความผิดทั้งข้าราชการและพลเรือนอย่างเด็ดขาด
ในโอกาสนี้ ผู้บริหารระดับสูงที่เข้าร่วมรับฟัง ได้แก่ อาทิ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ผู้บัญชาการกองทัพบก ผู้บัญชาการกองทัพเรือ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการ ปปง. อธิบดี DSI และ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจนครบาล1-9 และผู้เข้ารับมอบนโยบายกว่า 500 คน สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมีความจริงจังที่ในการประกาศให้การป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ หมายความว่า ทุกๆ ท่าน ณ ที่นี้ จะต้องเร่งทำหน้าที่อย่างจริงจัง เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ เพื่อช่วยกันสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ใครที่ยังคิดจะเอาเปรียบและหาประโยชน์โดยมิชอบจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใด และโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เข้าไปพัวพันกับขบวนการค้ามนุษย์ หรือละเลยไม่ทำหน้าที่ ขอประกาศว่า บุคคลเหล่านี้ต้องไม่มีที่ยืนในสังคมไทยอีกต่อไป
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงปัญหาค้ามนุษย์ว่า มีรูปแบบต่างๆ เช่น ค้าประเวณี ขอทาน การใช้แรงงานเด็ก และแรงงานบังคับในภาคต่างๆ เช่น ภาคประมง ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมานานในประเทศไทย หลายประเทศก็จับตามองเราอยู่มานานเกือบสิบปี ทำให้ไทยถูกมองจากต่างประเทศว่า เป็นประเทศต้นทาง ทางผ่าน และปลายทางของการค้ามนุษย์ และมองว่า ไทยยังพยายามไม่พอกับการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์อย่างจริงจังและเป็นระบบ ไม่มีการลงโทษเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่หาประโยชน์จากแรงงานทั้ง ไทยและต่างชาติ ส่วนสำคัญของปัญหาค้ามนุษย์ทุกวันนี้ คือ ปล่อยให้ข้าราชการหรือลูกจ้างในภาครัฐเอาอำนาจไปใช้ในทางที่ผิด
เร่งสร้างมุมมองสังคมไทย ถือการค้ามนุษย์เป็นภัยใกล้ตัว
นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความเป็นห่วงถึงทัศนคติของสังคมไทยว่า หลายคนคิดว่าการค้าประเวณีไม่ใช่เรื่องเสียหาย หรือ การใช้แรงงานบังคับที่นายจ้างสามารถจ่ายเงินค่าแรงถูกๆ ซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการกำลังทำในสิ่งผิดกฎหมาย และไม่เคารพในสิทธิมนุษยชนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ทั้งนี้ ปัญหาเรื่องค้ามนุษย์เป็นเรื่องใกล้ตัวกับพวกเราทุกคน ยกตัวอย่างเช่น แก๊งขอทานที่ลักพาตัวเด็ก ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาบังคับใช้เป็นขอทาน หรือแม้จะไม่บังคับ แต่การนำเด็กมาทำงานใดๆ ก็ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
นิยาม “ค้ามนุษย์”
นายกรัฐมนตรียังได้อธิบายนิยามคำว่า “ค้ามนุษย์” ว่า ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 หมายถึงการเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาหรือนำตัวไปส่งยังที่ใด หน่วงเหนี่ยว กักขัง จัดให้ที่อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยการข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือโดย ให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิดในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล พูดง่ายๆ คือ มีการกระทำความผิด 3 ส่วน คือ การกระทำ วิธีการ และวัตถุประสงค์ ที่นำไปสู่การหาประโยชน์โดยมิชอบจากเพื่อนมนุษย์ไม่ว่าจะในรูปแบบใด ไม่ว่าคนๆ นั้นจะยินยอมสมัครใจหรือไม่ก็ตาม
ทั้งนี้ รัฐบาลเอาจริงเอาจังกับการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ เพราะเป็นเรื่องจิตสำนึก คุณธรรมและจริยธรรม ขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ต้องพึงมี เป็นการเคารพและคงไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของเพื่อนมนุษย์ ทุกคนรักตัวเอง รักครอบครัวตัวเอง ก็ต้องปฏิบัติกับผู้อื่นด้วยดีเช่นกัน สังคมไทยเป็นสังคมที่นักท่องเที่ยวมองว่าเป็นสังคมที่มีความโอบอ้อมอารี มีน้ำใจให้กัน แต่มีคนเห็นแก่ตัวบางกลุ่มที่ทำงานเพื่อเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง จนทำให้ประเทศชาติเสียหายและกำลังจะส่งผลเสียทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลด้วย
แก้ไขกฎกระทรวงและข้อกฎหมายต่างๆ บูรณาการการทำงานของเจ้าหน้าที่
รัฐบาลนี้ได้เร่งแก้ไขกฎกระทรวงและข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถดำเนินการได้ ท่านทำงาน นับแต่นี้เป็นต้นไป จะไม่มีข้ออ้างใดๆ อีกแล้ว และทุกหน่วยงาน จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างเป็นระบบอย่างแท้จริง เดินหน้าแก้ปัญหา ในเรื่องการค้ามนุษย์ (TIP-ทิพ) และการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงานและไร้การควบคุม (หรือ IUU ไอยูยู)
กวดขันการดำเนินการตามกฎหมายทั้ง สถานที่ท่องเที่ยว การประมง อย่างจริงจัง
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความสำคัญในการบังคับใช้กฎหมายโดยหยิบยกตัวอย่าง การปล่อยให้สถานบริการเปิดเกินเวลา การปล่อยให้มีการลักลอบ ค้าประเวณีหรือค้าประเวณีเด็กในสถานบริการ การปล่อยให้มีการใช้แรงงานเด็กใน โรงงาน สถานประกอบการ จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยวที่ดำเนินการผิดกฎหมาย รวมทั้ง
การทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลพยายามหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เชื่อมโยงกันในภาคประมงอย่างเป็นระบบ
ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง และยั่งยืน ตามหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ต้องการมากที่สุด คือ ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติและประชาชน คือ ประเทศชาติมั่นคงประชาชนมั่งคั่ง และยั่งยืน ตามหลักปรัชญา หรือแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมจึงต้องขอความร่วมมือ ทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วน โดยเฉพาะข้าราชการทุกหน่วยงาน ต้องช่วยกัน ต้องให้ ความร่วมมือกับรัฐบาล ตั้งแต่ แนวชายแดน ต่อเนื่องเข้ามาถึงพื้นที่ชั้นในกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้ ข้าราชการจะต้องไม่เข้าไป เกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ สนับสนุนไม่ว่าจะในทางตรงหรือทางอ้อม ไม่เพิกเฉยต่อการ ทำหน้าที่ของท่าน
ผนึกกำลังหน่วยงานราชการ บูรณาการงานทุกกระทรวง
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึง 5 เสือ หรือ 6/7 เสือ ทั้งฝ่ายปกครอง แรงงาน ประมง เจ้าท่า ตำรวจท้องที่ ตำรวจน้ำ ตรวจคนเข้าเมือง อุตสาหกรรม ทหารบก ทหารเรือ ว่า ใครบกพร่อง ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าบกพร่องหลายหน่วยก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เป็นทีมบูรณาการ หน่วยสนับสนุน เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ต้องช่วยดูเรื่องนักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา ช่วยเรื่องการคุ้มครอง ฟื้นฟู เยียวยา
กระทรวงแรงงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม ต้องเข้มแข็งและจริงจัง ในการตรวจแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน ทั้งในเรื่องของการดูแลคุ้มครองคนไทย แรงงานไทยในต่างแดน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวสรุปว่า วันนี้มีการประกาศนโยบายชัดเจนแล้ว ก็ขอให้ทุกหน่วยไปเร่งดำเนินการ ขอให้กำชับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้เข้มงวด กวดขัน จริงจัง ทุกพื้นที่ในความรับผิดชอบ ของท่าน ต่อไปถ้าบกพร่องจะมาโทษกันหรือขอร้องอ้อนวอนไม่ให้มีการลงโทษ ไม่ได้ ถือว่าพูดกันแล้ว ฝากท่านรัฐมนตรีทุกกระทรวง ช่วยกำชับ กวดขัน ถ้าหน่วยงานใดไม่ให้ความร่วมมือ ปล่อยปละละเลย หรือยังมีผู้มีอิทธิพล ต้องสั่งให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่าง แต่มิใช่ จ้องจับผิดซึ่งกันและกัน แต่ขอให้ช่วยกันทำงาน เพราะการทำงานป้องกันปราบปรามและช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ไม่ใช่เรื่องง่ายและ ไม่ใช่งานที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งจะทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานเป็นทีมด้วยความสามัคคี
หลังจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้แสดงความพร้อมในการดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่าการค้ามนุษย์นับเป็นวาระแห่งชาติ ที่เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา ทั้งแรงงานเถื่อน แรงงานเด็กและภาคประมง โดยยึดหลักสากล ต้องสร้างความเป็นธรรมและร่วมบูรณาการ
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่ามีการดำเนินการตามนโยบาย และได้ขับเคลื่อนให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมีการควบคุมดูแลปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเข้มงวด และเชื่อมั่นว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้โดยเด็ดขาด
ที่มา: http://www.thaigov.go.th