วันนี้ (1 เมษายน 2558) เวลา 06.30 น. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงเกษตรฯ ได้แก่ ศาลพระภูมิ ท้าวเวสสุวัณ ศาลตา-ยาย และพระพิรุณทรงนาค จากนั้นในเวลา 07.00 น. เป็นพิธีสงฆ์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คณะผู้บริหารพร้อมทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถวายภัตตาหาร และจตุปัจจัยเครื่องไทยธรรมแด่พระสงฆ์ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรข้าราชการพลเรือนดีเด่นประจำปี 2558 ของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันที่ 1เมษายน 2558 ถือเป็นวันสำคัญยิ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากปีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีอายุครบ 123 ปี เป็น 123 ปีที่บ่งบอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่มิใช่เฉพาะคนไทย แต่ยังก้าวสู่การเป็นครัวของโลกด้วย
กระทรวงเกษตรฯ มีบทบาทอย่างยิ่งต่องานด้านเกษตรกรรมของประเทศ มีภาระหน้าที่รับผิดชอบต่อความอยู่รอดของเกษตรกร ขณะเดียวกันก็มีภารกิจที่ต้องรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของคนทั้งโลกในด้านอาหารที่หล่อเลี้ยงประชากร รวมถึงเศรษฐกิจมวลรวมของประเทศด้วย โดยในปี 2558 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้วางแนวทางการดำเนินการแผนงาน/โครงการสำคัญตามพระราชบัญญัติงบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลโดยมีการดำเนินงานสำคัญในปี 2558 ประกอบด้วย 5 ประเด็น ได้แก่ 1. การลดต้นทุนการผลิตด้วยการส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์
2. การเพิ่มผลผลิต 3. การเพิ่มรายได้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ 4. การจัดการองค์ความรู้ด้านการเกษตร และ 5. การจัดการทรัพยากร ซึ่งในภาพรวมมีความคืบหน้าไปตามแผน
ทั้งนี้ การดำเนินการที่สำคัญ และปรากฏผลเป็นรูปธรรมแล้ว ได้แก่ มาตรการบรรเทาปัญหาจากการลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง โดยการจ้างงานและการปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทน การช่วยเหลือพื้นที่ภัยแล้งซ้ำซากตามโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาภัยแล้ง ซึ่งอยู่ในระหว่างดำเนินการ สำหรับการเพิ่มรายได้เพื่อเกษตรกรได้มีการชดเชยรายได้แก่ชาวนาและชาวสวนยาง ตลอดจนการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริมอีกด้วย ส่วนด้านการแก้ปัญหาเร่งด่วนด้านการประมงผิดกฎหมายที่อาจ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการส่งออกสินค้าประมงไทย ได้เร่งรัดจดทะเบียนเรือประมง การแก้ไขแรงงานประมง รวมถึงการฟื้นฟูอุตสาหกรรมกุ้งจากโรคตายด่วนในกุ้ง
ส่วนในระยะต่อไป กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังได้เตรียมความพร้อมดำเนินงานตามแผนงานตามนโยบายรัฐบาล โดยมีโครงการสำคัญ 10 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตข้าว 2) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตปศุสัตว์ 3) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตประมง 4) โครงการแก้ไขหนี้สินเกษตรกร 5) การปรับปรุงและออกกฎหมายเพิ่มเติม 6) โครงการปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร 7) โครงการบริหารจัดการผลผลิตทางการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยสหกรณ์ 8) โครงการปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการตลาดปาล์มน้ำมันแบบครบวงจร 9) โครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจข้าวสถาบันเกษตรกร และ 10) โครงการศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งถือเป็นนโยบายเร่งด่วนตามโรดแมปของรัฐบาล เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายให้เกษตรกรที่ถือเป็นศูนย์กลางการพัฒนามีความเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ในภาวการณ์แข่งขันในตลาดโลกและในอาเซียนด้วยกันเองที่ไทยจะตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้แล้ว แต่จะต้องรุกเพื่อให้เกษตรกรไทย และสินค้าเกษตรไทยมีที่ยืนได้อย่างมั่นคง.
กลุ่มโฆษกและวิเคราะห์ข่าว กองเกษตรสารนิเทศ
สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
โทร 02-2810859 แฟกซ์ 02-2822871
moacnews@gmail.com
www.moac.go.th
www.facebook.com/kasetthai
ที่มา: http://www.thaigov.go.th