พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีหญิงอายุ ๕๖ ปี ป่วยเป็นโรคความดัน เบาหวาน และหัวใจ ยึดอาชีพเก็บผักบุ้งขายมีรายได้วันละ ๕๐ บาท แต่ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลาน ๕ คน อายุระหว่าง ๒-๑๑ ปี เนื่องจากพ่อและแม่ของเด็กถูกจับข้อหาเสพยาเสพติด ซึ่งเด็กทั้งหมดไม่ได้เรียนหนังสือ และคนโตพิการตาบอด อาศัยอยู่ด้วยกันในห้องเช่าคับแคบ ครอบครัวฐานะอยากจน ที่จังหวัดปทุมธานี และกรณีเด็กชายวัย ๖ เดือน เกิดมามีร่างกายผิดปกติไม่มีรูทวารตั้งแต่กำเนิด ต้องเจาะหน้าท้องต่อลำไส้ใหญ่ออกมา เพื่อให้ขับถ่ายอุจจาระได้ ครอบครัวฐานะยากจน ไม่มีเงินค่ารักษา ที่จังหวัดพิษณุโลก ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)ในพื้นที่ดังกล่าว ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลของผู้ป่วย และดูแลเรื่องการศึกษาของเด็กในระยะยาวต่อไป
"สำหรับกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ศูนย์อพยพผู้ลี้ภัยชาวกะเหรี่ยงคะยา ที่บ้านในสอย ตำบลปางหมู อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เสียหายไปกว่า ๒๕๐ หลังคาเรือน มีผู้อพยพได้รับความเดือดร้อนไร้ที่อยู่อาศัยกว่า ๓,๗๐๐ คน ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน (พมจ.แม่ฮ่องสอน) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจของกระทรวงฯ พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้กับชาวบ้านต่อไป”พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวท้าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th