วันนี้ (27 เมษายน 2558) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพการตรวจราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 และบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการตรวจราชการ โดยมี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้บริหาร ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง ผู้ตรวจราชการกรม และผู้ช่วยผู้ตรวจราชการระดับกระทรวง เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวรายงานว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นหน่วยงานกลางในการประสานการตรวจราชการและเป็นผู้รักษาการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการตรวจราชการ พ.ศ. 2548 ได้พัฒนาการตรวจราชการให้เกิดการบูรณาการในทุกระดับทั้งในระดับกระทรวงและกรม เพื่อให้การดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นแกนกลางในการตรวจติดตามงาน/โครงการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล วัตถุประสงค์ของการจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อระดมความคิดเห็นในการพัฒนาระบบและโครงสร้างการตรวจราชการ ตลอดจนการรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการในการดำเนินการตามกรอบประชาคมอาเซียนและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดทำรายงานผลการตรวจราชการแบบบูรณาการ ในรอบ 6 เดือน เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาในทุกมิติ จากมุมมองในเชิงบูรณาการของทุกกระทรวง
นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างเครือข่ายการตรวจราชการของสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง และกรม ให้สามารถสนับสนุนการตรวจราชการแบบบูรณาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ร่วมกันระหว่างผู้บริหารของกระทรวงต่าง ๆ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวง และผู้ตรวจราชการกรม เพื่อขับเคลื่อนการตรวจราชการให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน
โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดการสัมมนาและบรรยายพิเศษเกี่ยวกับการตรวจราชการว่า ในอดีตที่ผ่านมาเคยมีแนวคิดที่จะจัดให้มีการสัมมนาในลักษณะเช่นนี้ ควรมีการจัดตั้งสถาบันผู้ตรวจราชการและการปรับปรุงประสิทธิภาพของผู้ตรวจราชการ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับผู้ตรวจราชการ เพราะผู้ตรวจราชการมีบทบาทสำคัญในการเป็นสะพานที่เชื่อมโยงระหว่างราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น ซึ่งในอนาคตอาจจะเชื่อมต่อรัฐบาลทั้งระบบกับองค์กรอิสระต่าง ๆ
นอกจากนี้ การทำงานให้ประสบความสำเร็จต้องมีการสื่อสารแบบสองทาง (Two-way communication) คือ การกระทำสิ่งใดแล้วกระจายออกสู่สาธารณชนได้รับรู้ และเมื่อบุคคลเหล่านั้นทำสิ่งใดหรือประสบปัญหาอย่างไร ต้องนำกลับมาบอกให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับรู้ งานถึงสำเร็จและเดินหน้าได้ ซึ่งคือหัวใจสำคัญในการทำงานของทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน
พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้ขอความร่วมมือผู้ตรวจราชการช่วยกันดูแลตรวจตราและนำเรื่องเหล่านี้รายงานมายังรัฐบาล ซึ่งอาจจะเป็นงานที่นอกเหนือจากงานที่ทำเป็นประจำ อาทิ 1) ปัญหาหนี้สินครัวเรือนและหนี้สินนอกระบบ 2) การยกระดับฝีมือแรงงานให้มีประสิทธิภาพ 3) ปัญหาการค้ามนุษย์ การค้าประเวณี การค้าแรงงานเด็ก 4) การจัดพื้นที่ผู้อพยพ 5) การแก้ไขปัญหาแหล่งชุมชนแออัดและการสร้างที่อยู่อาศัย 6) การกำจัดขยะ 7) การป้องกันอัคคีภัยหรือไฟไหม้ป่า 8) การสร้างความปลอดภัยทางถนน 9) การสนับสนุนแนะนำส่งเสริมประสิทธิภาพแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และ 10) การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน
รองนายกรัฐมนตรี ขอให้ผู้ตรวจราชการใช้หลักธรรมาภิบาลในการปฏิบัติหน้าที่ ยึดมั่นในความถูกต้องดีงาม และรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐยึดหลักนี้ในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างแก่สังคมและส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาตนเองไปพร้อมกัน เพื่อให้คนไทยมีความซื่อสัตย์ จริงใจ ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย ประกอบอาชีพสุจริตเป็นนิสัยประจำชาติ มีความโปร่งใส สร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันของคนในชาติ มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์อย่างตรงไปตรงมา ประชาชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้สะดวกและมีกระบวนการให้ประชาชนตรวจสอบความถูกต้องชัดเจนได้ เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมรับรู้และเสนอความเห็นในการตัดสินใจปัญหาต่าง ๆ อีกทั้ง การคุ้มค่า คุ้มทุน คุ้มเวลา และต้องมีการประเมินผลอีกด้วย
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ชมพูนุท / รายงาน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th