“ผมขอเปรียบเทียบนักเรียนทุน ผู้มีความสามารถพิเศษว่าเป็นเหมือนหัวรถจักรขับเคลื่อนประเทศ ที่จะมีส่วนสำคัญในการฉุดลากประเทศไปข้างหน้า ภาระนี้อยู่กับน้อง ๆ ทุกคน ในอนาคตไม่มีใครรู้ว่าเราอาจจะได้เป็นผู้นำทั้งในระดับชุมชนจนถึงระดับชาติ ดังนั้นความเป็นหัวรถจักรควรติดอยู่กับเราตลอดเวลา” ดร.พิเชฐ กล่าว
รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศร่ำรวย และขณะนี้ก็มีความพยายามที่จะก้าวข้ามผ่านกับดักประเทศรายได้ปานกลาง และแม้ว่าในวันข้างหน้าเราจะก้าวพ้นแล้ว แต่หากความรวยกับความจนยังคงเหลื่อมล้ำกันมากก็อาจทำให้ประเทศล่มจมได้ ดังนั้นเด็กรุ่นที่จะเติบโตขึ้นไปเป็นผู้นำต้องคำนึงถึงความเท่าเทียม ดูแลคนด้อยโอกาสทางสังคม ดูแลผู้สูงอายุที่จะเพิ่มสูงขึ้น ลดเหลื่อมล้ำในสังคม ส่วนในด้านเศรษฐกิจ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ มีส่วนเข้าไปช่วยกระตุ้นให้ภาคเอกชนทั้งขนาดใหญ่และ SMEs ตื่นตัวเรื่องการสร้างความรู้และนวัตกรรมเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต
ดร.พิเชฐ ได้แบ่งปันประสบการณ์ในฐานะเป็นอดีตนักเรียนแลกเปลี่ยนเอเอฟเอส ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และนักเรียนทุนโคลัมโบ ประเทศออสเตรเลียว่า ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย แต่ขอทุกคนเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในทุกช่วงเวลาให้มากที่สุด อย่าจมอยู่กับตำราจนลืมสังคมรอบข้าง ต้องไม่ลืมว่าชีวิตทางสังคมเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งในเรื่องของจารีต ประเพณี และวัฒนธรรม เพื่อนำไปสู่ความมั่นใจและความสามารถที่จะตัดสินใจในหลาย ๆ สิ่งได้อย่างรอบด้าน ประสบการณ์ที่หลากหลายจะทำให้เราก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราสร้างได้ตั้งแต่วันนี้
เผยแพร่ข่าวโดย : นางสาวศิริลักษณ์ สิกขะบูรณะ
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์
สำนักงานปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โทรศัพท์ 0 2333 3700 ต่อ 3727 - 3732 โทรสาร 0 2333 3834
e-mail : pr@most.go.th
Facebook : sciencethailand
ที่มา: http://www.thaigov.go.th