นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงการจัดระเบียบการให้บริการรถแท็กซี่บริเวณห้างสรรพสินค้า 4 แห่งย่านราชประสงค์ ร่วมกับทหารจากมณฑลทหารบกที่ 11 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า MBK เซ็นเตอร์, ห้างสรรสินค้าสยามพารากอน, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และห้างสรรพสินค้าแพลทินัม แฟชั่นมอลล์ เพื่อแก้ไขปัญหาการจอดกีดขวางการจราจรต โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน ระหว่างเวลา 16.30 - 20.00 น. และตรวจสอบรถแท็กซี่กระทำผิดกฎหมาย ได้แก่ การปฏิเสธผู้โดยสาร การไม่ยอมใช้มิเตอร์ การทิ้งผู้โดยสาร การแต่งกาย ฯลฯ นับตั้งแต่เริ่มดำเนินการจัดระเบียบเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน (22 เมษายน 2558) ตรวจสอบพบแท็กซี่กระทำความผิดแล้วจำนวนทั้งสิ้น 138 ราย โดยบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พบการกระทำผิดสูงสุด 45 ราย รองลงมา ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน จำนวน 39 ราย ห้างสรรพสินค้า MBK เซ็นเตอร์ จำนวน 35 ราย และห้างสรรพสินค้าแพลทินั่มฯ จำนวน 19 ราย ซึ่งได้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับตามข้อหาความผิดแล้วทุกราย โดยในจำนวนนี้มีผู้กระทำความผิดซ้ำสั่งลงโทษพักใช้ใบอนุญาต จำนวน 1 ราย
ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดระเบียบรถแท็กซี่ย่านราชประสงค์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ประสบผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม กรมการขนส่งทางบกได้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการร่วม ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจการ ทหาร ตำรวจ และพนักงานห้างสรรพสินค้าประจำจุดให้บริการบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าและบริเวณใกล้เคียงที่มีประชาชนและนักท่องเที่ยวเรียกใช้บริการรถแท็กซี่ ซึ่งหากพบการกระทำความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบแท็กซี่เอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้าดำเนินการตามกฎหมายทันที เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ พร้อมจัดส่งประวัติการกระทำผิดเข้าศูนย์ประวัติผู้ขับรถสาธารณะ เพื่อติดตามพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าทั้ง 4 แห่ง ยังได้ให้ความร่วมมือด้วยการจัดหาสถานที่จอดรถแท็กซี่เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น มีการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อตรวจสอบพฤติกรรมการให้บริการและช่วยเหลือผู้ใช้บริการในภาวะฉุกเฉิน มีการจัดเจ้าหน้าที่บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันปัญหาในการสื่อสาร รวมทั้งติดป้ายเตือนรถแท็กซี่ให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย
ในส่วนของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนที่มีการติดป้ายประกาศแสดงหมายเลขทะเบียนรถแท็กซี่ที่มีพฤติกรรมปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารต เป็นหนึ่งในกระบวนการทำงานร่วมกันของภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชน โดยห้างสรรพสินค้าฯ จะตรวจสอบการให้บริการและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในช่วงเวลานอกเหนือจากชั่วโมงเร่งด่วน เมื่อพบการกระทำความผิดจะบันทึกพฤติกรรม รายละเอียด และนำส่งข้อมูลให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการติดตามตัวตัวไป ซึ่งจากจำนวนมากรถแท็กซี่ทั้งหมดที่ห้างสรรพสินค้าฯ รายงานเข้ามามีจำนวนทั้งสิ้น 54 ราย กรมการขนส่งทางบกได้เรียกให้เข้ามารายงานตัวแล้วทุกราย โดยดำเนินการลงโทษเปรียบเทียบปรับแล้ว จำนวน 31 ราย ในจำนวนนี้พบมีการกระทำความผิดซ้ำ 2 ราย จึงได้สั่งพักใช้ใบอนุญาตขับรถเป็นเวลา 7 วัน ได้แก่ แท็กซี่คันหมายเลขทะเบียน ทร-3609 และคันหมายเลขทะเบียน ทศ-3380 และได้ส่งตัวผู้กระทำผิดเข้ารับการอบรม เพื่อสร้างจิตสำนึกการให้บริการที่ดีแล้วทุกราย ส่วนอีกจำนวน 23 ราย อยู่ในระหว่างเร่งติดตามตัวให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาและตรวจสอบข้อเท็จจริง
การจัดระเบียบรถแท็กซี่ย่านราชประสงค์ หากประสบความสำเร็จก็พร้อมจะขยายผลเป็นต้นแบบการจัดระเบียบการให้บริการรถสาธารณะทั่วกรุงเทพฯ ต่อไป ซึ่งจากผลการจัดระเบียบแท็กซี่ย่านราชประสงค์ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา พบว่า การปฏิเสธผู้โดยสารเป็นปัญหาสูงสุด รวมถึงพบปัญหาการใช้มาตรมิเตอร์ด้วย สอดคล้องกับข้อมุลที่ได้รับการร้องเรียนผ่านศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 และแอพพลิเคชั่น DLT Check-in นอกจากนี้ ยังพบรถแท็กซี่ไม่นำรถเข้าตรวจสภาพตามระยะเวลาที่ทางราชการกำหนด รวมถึงผู้ขับรถแท็กซี่ไม่แสดงใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ซึ่งตามกฎหมายแล้วกำหนดให้ผู้ขับรถแท็กซี่ต้องพกพาใบอนุญาติขับรถขณะปฏิบัติหน้าที่เสมอ และพร้อมแสดงต่อเจ้าหน้าที่ทันที ฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการจัดระเบียบรถแท็กซี่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขอความร่วมมือประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพรถแท็กซี่ผ่าน แอพพลิเคชั่น DLT Check-in ทุกครั้งที่ใช้บริการเพื่อประเมินคุณภาพการให้บริการและแสดงความคิดเห็น โดยข้อมูลจะถูกส่งตรงสู่ฐานข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก เพื่อติดตาม พัฒนา และลงโทษผู้กระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนแท็กซี่ที่ได้รับการประเมินในมาตรฐานดี กรมการขนส่งทางบกจะส่งเสริมให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้นต่อไป
ที่มา : กรมการขนส่งทางบก
ผู้เสนอ : กองสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม
ที่มา: http://www.thaigov.go.th