นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปลายปี 2558 ไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC อย่างสมบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้ระบบการค้าเสรีมีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องภาคอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องพัฒนาและผลักดันคุณภาพงานภาคอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการควบคู่ไปกับด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ การเพิ่มผลผลิต การสร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งผลต่อการสร้างความเข้มแข็งในระบบเศรษฐกิจในภาพรวม อย่างไรก็ตามจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาคุณภาพของบุคลากรควบคู่ไปด้วย เพราะบุคลากรที่มีคุณภาพจะนำองค์ความรู้และทักษะมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงาน ก่อให้เกิดการผลิตและการบริการที่มีคุณภาพซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาและยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้สามารถทัดเทียมนานาชาติ
กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสมาคมส่งเสริมคุณภาพแห่งประเทศไทย จึงร่วมกันจัดให้มีการนำเสนอผลงานของกลุ่มคุณภาพมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2528 คือ 1) งานมหกรรมคิวซีแห่งประเทศไทย2) งานมหกรรมคุณภาพภาครัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทย และ 3) งานมหกรรมคุณภาพภาคราชการและโรงพยาบาลโดยงานดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้ภาครัฐและภาคเอกชนได้นำเสนอกิจกรรมของกลุ่มคุณภาพ ซึ่งเป็นกระบวนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบของกลุ่มผู้ปฏิบัติงานจริงที่มีการปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง และการพัฒนาคุณภาพงานอย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถนำไปใช้งานได้จริง รวมทั้งเปิดโอกาสให้กับกลุ่มคุณภาพรุ่นใหม่ ๆ ได้มีเวทีสำหรับการเสนอผลงานระดับชาติ และพร้อมเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมเสนอผลงานในงานมหกรรมคุณภาพนานาชาติต่อไป ซึ่งในปี 2558 นี้ กำหนดจัดงาน 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2558 ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 6 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายจักรมณฑ์ กล่าว
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ร่วมกับสมาคมส่งเสริมคุณภาพแห่งประเทศไทย สานต่อความสำเร็จอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 29 โดยดำเนินการและพัฒนากลยุทธ์ในการพัฒนาคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างจุดขายให้โดดเด่นในตลาดโลก ตลอดจนสามารถตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าควบคู่ไปกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมกับนานาประเทศ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 29 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มคุณภาพจากภาคอุตสาหกรรม ราชการ และรัฐวิสาหกิจกว่า 10,000 กลุ่ม ที่สามารถพัฒนาทั้งในเรื่องของสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศ สำหรับในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้กลุ่มคุณภาพภาคอุตสาหกรรม ราชการ รัฐวิสาหกิจ และโรงพยาบาล ได้นำเสนอผลงานกลุ่มคุณภาพและแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและแพร่หลายยิ่งขึ้นซึ่งได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆ ร่วมนำเสนอผลงานรวม 70 กลุ่มแยกเป็นภาคการผลิตและภาคบริการ โดยผ่านการคัดเลือก 41 กลุ่ม อาทิ กลุ่ม SmartDippingจากบริษัท ซีพีแรม จำกัด เรื่อง การเติมประสิทธิภาพกระบวนการแช่กลุ่ม Power Team บริษัท เมืองทองอุตสาหกรรมอลูมิเนียม จำกัด เรื่อง การบดปัญหาการเกิดPullerBreackdownกลุ่ม DIdeaจากบริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด เรื่องการลดการShutdownเครื่องตัดเม็ดพลาสติก จากปัญหาใบมีดบิ่นร้าวกลุ่ม ROBOTO จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรื่อง การเพิ่ม Capacity ของกระบวนการสอบเทียบ ITSDกลุ่ม TheMissionGroupจากบริษัท ไทยโพลิเอททีลีน จำกัด เรื่อง การแก้ปัญหาห้องเย็นทำอุณหภูมิไม่ได้ตามค่าควบคุม
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคุณภาพภาครัฐวิสาหกิจร่วมนำเสนอผลงาน จำนวน 11 กลุ่ม อาทิ กลุ่มไกน้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เรื่องการปรับปรุงกระบวนงานบริหารจัดการลูกหนี้ค่าไฟฟ้ากลุ่ม RTL Revolutionจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เรื่องลดการเบี่ยงเบนการทดสอบหาค่า Oxidation Stability ของน้ำมัน B7 และ B20ส่วนในกลุ่มคุณภาพภาคราชการและโรงพยาบาล มีกลุ่มที่ร่วมนำเสนอผลงาน จำนวน 43 กลุ่ม อาทิกลุ่มTriple-H จากโรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช เรื่องการดูแลผู้ป่วยเด็กที่มีท่อเจาะคอและต้องได้รับการดูแลต่อเนื่องที่บ้าน ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มคุณภาพทั้งหลายที่เข้าร่วมงานจะทำให้องค์กรสามารถลดต้นทุนของเสีย และเพิ่มผลผลิต ได้กลุ่มละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาทต่อปี และบางกลุ่มสามารถลดต้นทุนได้ถึงร้อยล้านบาทต่อปี สำหรับในส่วนของภาคโรงพยาบาลคาดว่าจะสามารถลดของเสีย ลดความเสี่ยง และลดเวลาการรอคอยการบริการส่งผลให้ผู้ใช้บริการมีความสุข รวมถึงสามารถลดค่าใช้จ่ายให้แก่ภาครัฐปีละหลายร้อยล้านบาท ทั้งนี้กลุ่มคุณภาพที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมจะมีโอกาสได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปเสนอผลงานในงานมหกรรมคุณภาพระดับนานาชาติต่อไป นายอาทิตย์ กล่าวสรุป
นอกจากการนำเสนอผลงานคุณภาพแล้ว ภายในงานดังกล่าว ยังได้จัดให้มีงาน “มหกรรมสินค้าคุณภาพ” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้นำสินค้าคุณภาพเยี่ยมมาวางจำหน่ายกว่า 80 ร้านค้า อาทิ เครื่องประดับ กระเป๋า รองเท้า เครื่องแต่งกาย อาหาร และสมุนไพรไทย เป็นต้น ทั้งจากผู้ประกอบการใหม่ ผู้ประกอบการทั่วไป และผู้ประกอบการโอทอประหว่างวันที่ 27 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2558 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. - 16.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 6 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานตลอด 5 วันไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ทั้งนี้ ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปสามารถเข้าร่วมงานและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2202 4541-3 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th หรือ www.qchq.org
ที่มา: http://www.thaigov.go.th