ดร. พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า การทำงานกับภาคเศรษฐกิจหรือภาคเอกชน เป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องลงทุนกับเรื่องความรู้มากขึ้น เราพบว่าเอกชนต้องการ 2 อย่าง ได้แก่ 1. สิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งรัฐบาลได้แก้ไขให้แล้ว สามารถลดหย่อนภาษีได้ 300% และ 2. Talent Mobility ภาคเอกชนที่เริ่มลงทุนสร้างศูนย์วิจัย แต่ยังขาดนักวิจัย ก็จะให้นักวิจัยไปทำงานกับภาคเอกชนได้ และให้นำผลงานมาทำผลงานทางมหาวิทยาลัยได้ โดย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นหน่วยรับแจ้งความประสงค์ของภาคเอกชน และจะนำความต้องการไปจัดหาบุคลากรจากมหาวิทยาลัย หรือในกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ เข้าไปร่วมงานกับภาคเอกชน นอกจากนี้ SMEs ซึ่งมีพลังน้อย ทำอย่างไรจะให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและมีอาจารย์จากมหาวิทยาลัยไปเป็นที่ปรึกษา
นอกจากนี้ ภายในงานมีการบรรยายหัวข้อ “Value creation through STI” โดย นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี หัวข้อ “STI Innovation Strategy” โดย นายสัตวแพทย์ สมชาย เลาห์วีระพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดูปองท์ (ประเทศไทย) จำกัด หัวข้อ “Boosting Thailand Competitiveness with STI” โดย นายเทวินทร์ วงศ์วานิช Chairman of TMA Centre for Competitiveness ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
เป้าหมายของหลักสูตร STI-PMP เพื่อผู้บริหารระดับสูงทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน สามารถบริหารจัดการนโยบายที่มีประสิทธิภาพ และมีความเข้าใจในระบบการบริหารจัดการอย่างถ่องแท้ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์จากเครือข่ายผู้บริหารระดับสูงด้านการบริหารจัดการนโยบาย วทน. ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก โดยอาศัยกลไกความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชนให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ องค์กรอิสระ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน จำนวน 30 คน
ผู้เขียนข่าว : นายปราโมทย์ ป้องสุธาธาร กลุ่มงานประชาสัมพันธ์
ถ่ายภาพโดย : นายไววิทย์ ยอดประสิทธิ์ , นางสาวนีรนุช ตามศักดิ์
ที่มา: http://www.thaigov.go.th