พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า จากกรณีชายชรา อายุ ๘๑ ปี ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก อาศัยอยู่กับหลานสาว ที่เลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก แต่กลับถูกขับไล่เพราะเห็นว่าเป็นภาระ จับใส่รถตุ๊กตุ๊กมาทิ้งที่วัด ในสภาพเดินแทบไม่ไหว ที่จังหวัดชลบุรี และกรณีชาย อายุ ๕๓ ปี ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แขนขาอ่อนแรง ไม่สามารถทำงานได้ อาศัยเพียงลำพัง ในเล้าหมูที่มีกลิ่นอับเหม็นและสกปรก มีเพียงแค่ไม้กระดานกั้น ไม่มีประตูหน้าต่าง ไม่มีไฟฟ้า อาศัยอาหารจาก เพื่อนบ้านประทังชีวิต ที่จังหวัดตรัง ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องสุขภาพและการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงสภาพที่อยู่อาศัยให้เหมาะสมถูกสุขลักษณะที่ดี
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกรณีเด็กหญิงอายุ ๑๑ ปี พบศพพ่อ อายุ ๔๒ ปี ที่ฆ่าตัวตาย ในห้องน้ำ โดยใช้มีดดาบยาวแทงตัวเอง ซึ่งเด็กหญิงอาศัยอยู่กับพ่อเพียงสองคน สาเหตุคาดว่าผู้ตายอาจเกิดความเครียดที่ต้องเลิกรากับภรรยา และต้องรับภาระเลี้ยงดูลูกสาววัย ๑๑ ปี ตามลำพัง ที่จังหวัดสมุทรปราการ และกรณีหญิงอายุครรภ์ ๖ เดือน ถูกสามีเก่าขับรถยนต์พุ่งชน เนื่องจากพยายามขอคืนดีแต่ไม่สำเร็จ และโกรธแค้น ที่อดีตภรรยาไปมีครอบครัวใหม่ ที่จังหวัดตราด ตนได้กำชับให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ทั้ง ๒ จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นตามภารกิจกระทรวงฯ พร้อมเร่งเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจผู้เสียหายและครอบครัวต่อไป อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกรณีล้วนใช้ความรุนแรงตัดสินปัญหาในครอบครัว จึงขอฝาก เป็นอุทาหรณ์ที่ไม่สมควรใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th