ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลางและอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยถึงผลการประชุม ว่า ที่ประชุมได้รับทราบเกี่ยวกับผลสรุปรายงานเกี่ยวกับจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2558 โดยตลาดต่างประเทศ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 7.84 ล้านคน หรือ 24% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน และมีรายได้ 3.70 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% ขณะที่ตลาดในประเทศหรือไทยเที่ยวไทยก็เพิ่มขึ้น 38.37 ล้านคน หรือ 6% ทำให้มีรายได้อยู่ 1.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%
นอกจากนี้ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม 2558 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น 15% และมีชาวไทยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ประมาณ 1 แสนคน อย่างไรก็ดีจากตัวเลขดังกล่าวถึงแม้จะมีชาวไทยเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศแต่ก็ยังน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยหรือไทยเที่ยวไทย ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาในภาพรวมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแล้วถือว่าประเทศไทยยังได้ดุลมากกว่าเพราะมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยมากกว่าที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางออกไปท่องเที่ยวในต่างประเทศ
สำหรับการดำเนินการในเรื่องการท่องเที่ยววิถีไทยปี 2558 นี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการท่องเที่ยวใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น การท่องเที่ยวใน 12 เมืองต้องห้าม...พลาด (จังหวัดลำปาง เพชรบูรณ์ น่าน บุรีรัมย์ เลย สมุทรสงคราม ราชบุรี ตราด จันทบุรี ตรัง ชุมพร และนครศรีธรรมราช) ซึ่งในภาพรวมอัตราการเติบโตเฉลี่ยของรายได้เข้า 12 เมืองต้องห้าม...พลาด เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับก่อนที่จะมีแคมเปญนี้ โดยจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นอันดับที่ 1 คือ จังหวัดน่าน รองลงมา ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และลำปาง ตามลำดับ
อีกทั้งการดำเนินการเรื่องท่องเที่ยววิถีไทยยังมีการดำเนินการครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการจัดการความสะอาด การอำนวยความสะดวก การดูแลความปลอดภัย การต้อนรับนักท่องเที่ยว การสนับสนุนการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ปีท่องเที่ยววิถีไทย การพัฒนา สร้างสรรค์ สินค้าและบริการท่องเที่ยว และการกระจายประโยชน์จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง เป็นต้น ทั้งนี้ในเรื่องการจัดการความสะอาดนั้น ให้มีการดำเนินการสร้างความสะอาดของห้องน้ำในแหล่งท่องเที่ยว ที่พักริมทาง สถานีบริการ น้ำมัน รวมทั้งสถานบริการต่าง ๆ และสวนสาธารณะ ฯลฯ โดยมีการประเมินและรับรองห้องน้ำสาธารณะใน 12 กลุ่มเป้าหมายให้ได้มาตรฐาน HAS ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน สถานีขนส่ง สถานที่ราชการ ตลาดสด โรงพยาบาล โรงเรียน แห่งท่องเที่ยว ศูนย์การค้า ที่พักริมทาง ร้านอาหาร วัด และสวนสาธารณะ รวมทั้งจะมีการจัดกิจกรรม Big Cleaning Day กำจัดขยะสิ่งปฏิกูลและจัดการแหล่งท่องเที่ยวให้เป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมกันใน 52 จังหวัดท่องเที่ยวที่รับนักท่องเที่ยวเกิน 1 ล้านคน โดยให้เป็นการขยายการดำเนินงานจากกิจกรรม Big Cleaning ซึ่งกรมอนามัยจะดำเนินการในวันที่ 4 กรกฏาคม 2558
รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญกับการกระจายประโยชน์จากการท่องเที่ยวสู่ชุมชนและประชาชนที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องไปพัฒนาในเรื่องของสินค้าผลิตภัณฑ์โอทอปให้ได้มาตรฐานและคุณภาพเพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้า เรื่องตลาดสดน่าซื้อของชุมชนต่าง ๆ โดยให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักในการเข้าไปดำเนินการดังกล่าว พร้อมทั้งจะให้ทุกจังหวัดจัดโครงการประกวดเมืองน่ารักวิถีไทย เพื่อเป็นการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ครบวงจร ในการบริหารจัดการเมืองและชุมชนให้พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งด้านการสร้างเอกลักษณ์ท้องถิ่น ความสะอาด ความปลอดภัย และคนในชุมชนมีอัธยาศัยไมตรี ตลอดจนเรื่องของการพัฒนาสร้างสรรค์สินค้าและบริการท่องเที่ยว มุ่งกระจายการท่องเที่ยวตลอดปีและการวางแนวทางตลาดแบบจงเจาะกลุ่มเป้าหมาย เช่น การวางแผนจัดกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวให้กระจายตลอดทั้งปี เพื่อเสริมการเดินทางในช่วง Low Season การวางแผนพัฒนาสินค้าและบริการ และส่งเสริมการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวมุสลิม เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯ เห็นชอบการรณรงค์ส่งเสริมขอความร่วมมือประชาชนและข้าราชการทั่วประเทศแต่งกายและสวมใส่ผ้าไทยตามอัตลักษณ์ท้องถิ่นในวันศุกร์ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายรายได้ให้กับท้องถิ่นที่มีการจำหน่ายและซื้อหาผลิตภัณฑ์สิ้นค้าผ้าไทยตามอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการอนุรักษ์และเพิ่มอัตลักษณ์ในเรื่องความเป็นวิถีไทยของท้องถิ่นได้อีกทางหนึ่ง สำหรับการรณรงค์ส่งเสริมการสวมใสผ้าไทยดังกล่าวจะมีการนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้าก่อนดำเนินการต่อไป
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th