รัฐบาลขอความร่วมมือโหรใช้วิจารณญาณเผยแพร่คำทำนายอย่างรอบคอบ ยันมีระบบรองรับภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ

ข่าวทั่วไป Sunday May 10, 2015 12:48 —สำนักโฆษก

ร.อ.นพ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่โหรชื่อดังทำนายว่า ประเทศไทยจะเกิดแผ่นดินไหวและภัยพิบัติอย่างรุนแรงในเร็ว ๆ นี้ ว่า ขอความร่วมมือผู้ที่ออกมาทำนายให้ใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบในการเผยแพร่ เพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก และขอให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อประเทศ ซึ่งในอดีตคำทำนายที่สร้างความตื่นตระหนกได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมาแล้ว ทั้งนี้ เข้าใจดีว่า ผู้ที่ทำนายมีความหวังดี อยากช่วยเตือนภัยให้ประชาชนตื่นตัวและเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่ารัฐบาลมีระบบเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ประสานและแลกเปลี่ยนความร่วมมือกับต่างประเทศ และให้ทุกหน่วยงานฝึกอบรมและประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชนอย่างสม่ำเสมอ

“รัฐบาลยังได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ซักซ้อมรับมือภัยพิบัติร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ความมั่นคง และขอให้ส่วนท้องถิ่นช่วยดูแลและร่วมมือกับภาคประชาชนในการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติด้วย จึงขอให้ประชาชนคลายความกังวล และติดตามข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องจากทางราชการ”

ขณะที่ข้อมูลของ นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ได้ยืนยันว่า โอกาสเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ที่มีความรุนแรงมากกว่า 7 ในประเทศไทยมีน้อยมาก เนื่องจากแนวรอยเลื่อนมีพลังทั้ง 14 รอยในประเทศไทย เป็นรอยเลื่อนขนาดเล็ก โดยกรมทรัพยากรธรณีได้จัดทำแผนที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวและจัดอบรมให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงแล้ว ส่วนพื้นที่ชายฝั่งอันดามัน ซึ่งใกล้จุดเสี่ยงเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับรอยเลื่อนของเปลือกโลกในมหาสมุทรอินเดียก็มีการติดตั้งระบบเตือนภัยครอบคลุมในวงกว้าง และสามารถติดต่อประสานความร่วมกับประเทศอื่น ๆ ได้ทันที ทั้งนี้ ระบบจะแจ้งเตือนก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้สามารถอพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยได้ทันเวลา

ร.อ.นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า ได้รับคำแนะนำจาก นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต เกี่ยวกับการติดตามข่าวคำทำนายของโหรว่า การเสพข่าวที่มีลักษณะเช่นนี้ ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ ซึ่งเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่จำเป็นต้องอาศัยหลักวิทยาศาสตร์และข้อเท็จจริงมาพิจารณาร่วมด้วย

สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ