ทั้งนี้ ได้รับทราบข้อมูลจากนางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ว่า สาเหตุที่ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเพราะผลผลิตข้าวของคู่แข่งทั้งอินเดียและเวียดนามมีปริมาณมากจึงมีอุปทานส่วนเกินที่สองประเทศต้องเร่งระบายออกเนื่องจากไม่มีที่เก็บ ส่งผลให้ราคาส่งออกข้าวลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไทยมีปริมาณผลผลิตน้อยเพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ประกอบกับคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ค่อนข้างซบเซา รวมทั้งค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเป็นปัจจัยกดดันทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่า
“ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี ประกอบกับความพยายามของรัฐบาลที่จะผลักดันการส่งออก โดยความร่วมมือกับภาคเอกชน จึงคาดว่าสถานการณ์การส่งออกข้าวจะปรับตัวดีขึ้น”
ร.อ.ยงยุทธ ยังกล่าวอีกว่า โดยปกติช่วงไตรมาสแรกของทุกปี ประเทศคู่ค้าต่าง ๆ จะประเมินสถานการณ์การผลิตและการตลาด ทำให้การซื้อขายชะลอตัว แต่จากแนวโน้มความต้องการข้าวคุณภาพดียังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ภาครัฐ ภาคเอกชน และชาวนา จึงต้องปรับตัวไปสู่การพัฒนาการผลิตและหันไปส่งเสริมการตลาดข้าวคุณภาพดีที่ขายได้ราคาสูงแทนการผลิตข้าวคุณภาพทั่วไปเพื่อการส่งออก เนื่องจากถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้น แต่หลายประเทศมีกำลังซื้อที่ดี จึงเป็นโอกาสที่ตลาดข้าวคุณภาพดีของไทยจะเติบโตได้
นอกจากนี้ จากการที่นายกรัฐมนตรีมีโอกาสพบกับผู้นำของประเทศต่าง ๆ ได้มีการหยิบยกเรื่องข้าวคุณภาพดีของไทยเข้าสู่การหารือ จากนั้น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นำทีมไปเจรจาหาลู่ทางขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ ซึ่งล่าสุดได้เดินทางไปเมืองคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน และได้ทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือ G to G เพื่อส่งออกผลผลิตข้าวไปยังจีน โดยจีนจะมีคำสั่งซื้อเฉลี่ยเดือนละ 100,000 ตัน ไปจนถึงปี 2559 ขณะที่ฟิลิปปินส์เตรียมเปิดประมูลข้าวอีกราว 200,000 – 250,000 ตัน เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่คาดว่าจะเปิดประมูลราวเดือนกันยายน - ตุลาคม ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มองเห็นโอกาสและพร้อมเจรจาเชิงรุกโดยร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันส่งเสริมการตลาดและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ผลักดันข้าวคุณภาพดีของไทยพร้อมกับการขายข้าวล็อตใหญ่ของรัฐ
“ระหว่างวันที่ 19-21 พ.ค. 58 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน Thailand Rice Convention 2015 ซึ่งจะเป็นการประชุมนานาชาติที่มีผู้ค้าข้าวทั่วโลกมาพบปะแลกเปลี่ยนมุมมองและหารือถึงสถานการณ์ข้าวร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถา ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำคัญของไทยที่จะได้แนะนำผลผลิตข้าวคุณภาพให้ผู้ค้าทั่วโลกได้รู้จัก และส่งผลดีต่อการค้าข้าวของไทยอย่างยั่งยืนต่อไป”
สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th