นายกรัฐมนตรีสั่งการทุกหน่วยงานกำหนดเป้าหมายวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายทุกกรณีให้ชัดเจน

ข่าวทั่วไป Tuesday May 12, 2015 15:59 —สำนักโฆษก

รองโฆษกรัฐบาลเผยนายกรัฐมนตรีสั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดเป้าหมายวิธีการปฏิบัติเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการกระทำผิดกฎหมายทุกกรณีให้ชัดเจน หากตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และปรับย้ายออกจากพื้นที่ชั่วคราว ส่วนกรณีเหยื่อหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจะมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบตามขั้นตอน

วันนี้ (12 พ.ค.58) เวลา 14.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลการประชุมฯ ถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีปรารภและสั่งการต่อที่ประชุมฯ สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้แจ้งที่ประชุมฯ รับทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ แปรพระราชฐานไปประทับที่พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทั้งสองพระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งเป็นที่ปลามปลื้มแก่คณะรัฐมนตรี และเป็นขวัญกำลังในการปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประเทศชาติและประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถต่อไป

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามถึงปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาขอทาน โดยพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ชี้แจงว่าได้มีการดำเนินการตามนโยบาย 3p คือ ดำเนินการทั้งเรื่องนโยบาย การช่วยเหลือป้องกัน และการคุ้มครอง โดยมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาขอทาน รวมทั้งคนไร้ที่พึ่ง ทำให้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2558 เป็นต้นมามีจำนวนขอทานที่ปรากฏในพื้นที่ต่าง ๆ ลดลง อีกทั้งได้มีการจัดตั้งธัญบุรีโมเดลเป็นศูนย์สำหรับดำเนินการทุกอย่างครบวงจรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขอทานขึ้นอีกในพื้นที่ต่าง ๆ โดยขอทางที่ถูกดำเนินการจะต้องเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่มีการฝึกอบรมอาชีพต่าง ๆ ให้ และมีการดูแล เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องอาชีพก่อนออกมาประกอบอาชีพใหม่ อย่างไรก็ตามหากใครที่ยังไม่สามารถที่จะออกมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติก็จะได้รับการฝึกอบรมและดูแลต่อไป

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเพิ่มเติมว่า ยังมีอีกหลายเรื่องที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกัน เช่น ปัญหาเรื่องการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ปัญหาการประมงที่ผิดกฎหมาย ปัญหาแรงงานเถื่อน ตลอดจนเรื่องโรฮิงญา ซึ่งในทุกเรื่องจะต้องมีการกำหนดเป้าหมายในการปฏิบัติและวิธีการปฏิบัติที่ชัดเจนในทุกกลุ่ม เพราะในแต่ละเรื่องจะมีขบวนการผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องต่อการดำเนินการในลักษณะผิดกฎมาย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ภาครัฐทั้งข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางวินัย รวมทั้งการดำเนินการในส่วนของเหยื่อหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการในทุกลุ่มดังกล่าวจะต้องมีมาตรการปฏิบัติอย่างชัดเจนทุกรณี โดยเฉพาะในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งให้ทุกพื้นที่สแกนพื้นที่ของตนเองตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล จนถึงอำเภอ ภายใน 10 วัน นับตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมาซึ่งขณะนี้ก็ใกล้ครบกำหนดแล้ว โดยทุกพื้นที่จะต้องสแกนไม่ให้มีสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ รวมถึงต้องไม่มีค่ายกักกันและค่ายพักรอ หรือค่ายอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าว และให้จังหวัดมีการประชุมชี้แจงทุกหน่วยในจังหวัดเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันสามารถนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในทุกระหน่วยได้อย่างถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างไรก็ดีหากจังหวัดหรือพื้นที่ใดมีผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นและมีเจ้าหน้าที่ส่วนราชการเข้าไปเกี่ยวข้องจนไม่สามารถที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาได้ในระดับท้องถิ่นก็ให้รายงานมาที่กรมการป้องครองส่วนกลางจะเข้าไปดำเนินการแก้ปัญหาให้ ขณะที่หากตรวจพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่และปรับย้ายออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพื่อให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยก่อน ส่วนกรณีของเหยื่อหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบก็มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบตามขั้นตอน มีการนำเข้าสู่พื้นที่ควบคุมและแจ้งให้ทราบว่ามีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเหยื่อเหล่านั้นอย่างไร เพื่อจะได้ทราบว่ามีสิทธิอะไรบ้างตามข้อกฎหมาย ซึ่งกองทุนในการช่วยเหลือเยียวยาเหยื่อเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ มีหน้าภาระหน้าที่อยู่ 2 อย่าง คือ การให้ความช่วยเหลือเหยื่อ และการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาเพื่อป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมทั้งมีคณะกรรมการระดับนโยบายที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะอนุกรรมการซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีในฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวเน้นย้ำว่าทุกเรื่องที่แต่ละกระทรวงเกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการให้ครบถ้วนทั้งระบบ และต้องมีความคืบหน้าเพื่อรายงานให้สังคมและประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะอย่างเป็นระบบว่า ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องขยะที่ผ่านมารัฐบาลต่าง ๆ ไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญ แต่จะไปดำเนินการเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นงบประมาณที่ลงไปยังท้องถิ่นมักจะถูกละเลยในเรื่องปัญหาขยะ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม วันนี้รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะ โดยได้ดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบทั้งหมด ทั้งในส่วนที่เป็นขยะตกค้างเก่าและขยะใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้หลักการดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะปัจจุบันคือต้องมีการพัฒนาปรับขยะให้เป็นพลังงาน หรือขยะrdf โดยขยะเก่าจะมีการดำเนินการในหลายลักษณะ เช่น การฝังกลบอย่างถูกสุขลักษณะและมีการปรับภูมิทัศด้านบน เพื่อนำขยะกลับมาใช้ในโอกาสต่อไปเมื่อมีความพร้อม หรือจะพิจารณานำไปทำเป็นชีวะมวล รวมทั้งมีการขนถ่ายขยะที่มีการคัดแยกเรียบร้อยแล้วไปดำเนินการร่อนเพื่อจัดทำเป็นขยะสำหรับพลังงาน หรือดำเนินการในลักษณะนำขยะไปยังพื้นที่เอกชนที่มีความพร้อมในการจำกัดขยะโดยการเผาอย่างถูกต้องและถูกสุขลักษณะ ขณะที่ในส่วนขยะใหม่จะมีการดำเนินการ 3 ขั้นตอน คือ 1) การลดและคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง เช่น การรณรงค์เชิญชวนไม่ให้ใช้ถุงพลาสติกโดยให้ใช้ถุงผ้าแทน และมีการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน 2) จัดทำการรวมศูนย์อย่างเป็นระบบ โดยต้องได้รับการยอมรับจากประชาชนในพื้นที่ก่อน และต้องมีปริมาณขยะมากเพียงพอต่อการดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น นำไปผลิตเชื้อเพลิงขยะ rdf ก็จะต้องมีปริมาณขยะอย่างน้อย 60-80 ตันต่อวัน ให้โรงไฟฟ้าก็จะต้องมีขณะประมาณ 300 ตันต่อวัน และ3) สายส่ง คือหากจะทำโรงงานไฟฟ้าในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวจะต้องมีสายส่ง ซึ่งมีอยู่ 3 ขั้นตอน โดยฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ชี้แจงต่อกรณีสายส่งว่า สายส่งปกติจะรับการขายไฟฟ้าจากรูปแบบวิธีการต่าง ๆ ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสายส่งส่วนใหญ่จะเต็มหมดแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมที่จะคัดเรื่องการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบอื่น ๆ และหันมาตอบรับต่อการผลิตไฟฟ้าในลักษณะของการแปรสภาพขยะให้เป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อตอบรับนโยบายการบริหารจัดการขยะในภาพรวม

กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ