นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่ชายแดน และการจัดระบบการทำงานในพื้นที่ชายแดน โดยอนุญาตให้แรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน คือ เมียนมา ลาว และกัมพูชา สามารถใช้บัตรผ่านแดนเพื่อเข้ามาทำงานในพื้นที่ชายแดนได้ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2558 เห็นชอบเรื่อง การจัดระบบการจ้างคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานในลักษณะไป - กลับ หรือตามฤดูกาล ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงแรงงาน พิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของกระทรวงมหาดไทยให้ดำเนินการออกประกาศเพื่อกำหนดให้บัตรผ่านแดนหรือเอกสารที่ประเทศต้นทางออกให้คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานตามแนวบริเวณชายแดนในลักษณะไป - กลับ หรือตามฤดูกาล เป็นเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางเพื่อขอรับอนุญาตทำงาน และให้กระทรวงการต่างประเทศไปเจรจาตกลงกับประเทศต้นทาง เพื่อเพิ่มวัตถุประสงค์ในความตกลงว่าด้วยการข้ามแดนระหว่างรัฐให้ครอบคลุมถึงการเข้ามาทำงานในพื้นที่ชายแดนได้
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและมติคณะรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทยจึงได้จัดทำโครงการพัฒนาระบบการเดินทางข้ามแดนระหว่างไทย กับ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ขึ้น โดยได้แจ้งให้จังหวัดชายแดนด้านเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่มีจุดผ่านแดนถาวรทุกจังหวัด จัดทำข้อเสนอในการทบทวน/ปรับปรุงความตกลงว่าด้วยการข้ามแดนฯ และจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามและรับฟังข้อเสนอในการดำเนินงานตามความตกลงว่าด้วยการเดินทางข้ามแดนของหน่วยงานในพื้นที่ชายแดน เมื่อวันที่ 8 – 9 เมษายน 2558 ณ จังหวัดเชียงราย เพื่อประมวลผลความเห็นและข้อเสนอของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเบื้องต้น เพื่อประกอบการจัดทำร่างข้อเสนอปรับปรุงความตกลงฯ ทั้ง 3 ฉบับ
สำหรับการประชุมในวันนี้ กระทรวงมหาดไทยได้เชิญหน่วยงานระดับนโยบายมาประชุมอีกครั้งหนึ่ง เพื่อพิจารณาร่างข้อเสนอปรับปรุง/เพิ่มเติมรายละเอียดในความตกลงฯ ก่อนส่งให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอขอความเห็นชอบ จากคณะรัฐมนตรีก่อนนำข้อเสนอไปเจรจากับทั้ง 3 ประเทศต่อไป
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหา การขาดแคลนแรงงานในพื้นที่ชายแดนในระหว่างที่การปรับปรุง/เพิ่มเติมความตกลงฯ ยังไม่แล้วเสร็จเพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานในภาคเกษตรที่มีความจำเป็นต้องใช้แรงงานในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งจะต้องมีความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติในพื้นที่ เพื่อลดผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกร ซึ่งจะได้นำข้อเสนอในการแก้ไขปัญหาหารือในระดับนโยบายต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th