นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้กล่าวรายงานว่า ตามที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเกษตรกรและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล โดยได้มีการจัดทำโครงการต่าง ๆ ที่จะช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การสร้างรายได้เพิ่มให้กับชาวนาและชาวสวนยาง การลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร การจัดการพื้นที่ให้เหมาะสมกับการผลิตสินค้าเกษตร การส่งเสริมการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้งและภัยธรรมชาติอื่น ๆ การถ่ายทอดความรู้เทคโนโลยีผ่านศูนย์เรียนรู้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงถือโอกาสนี้จัดงาน “เตรียมความพร้อมเกษตรกรไทยเริ่มต้นใหม่ฤดูกาลผลิต” ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่รัฐบาลจะได้มีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อกระตุ้นและสร้างจิตสำนึกให้กับเกษตรกรในการปรับเปลี่ยนการผลิตสินค้าเกษตรให้มี ความเหมาะสมโดยคำนึงถึงสภาพพื้นที่ สิ่งแวดล้อม ระบบโลจิสติกส์ และความต้องการของตลาด อันจะมีส่วนช่วยในการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอีกด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง " เกษตรกรก้าวหน้า พัฒนาการเกษตรไทย" ว่า มีแนวคิดที่จะช่วยเหลือเกษตรกร และชาวนา ตั้งแต่อยู่ในบทบาททางทหาร เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่ทางการเกษตร 147 ล้านไร่ ซึ่งมีระบบชลประทาน ร้อยละ 40 มีพื้นที่อยู่ในระบบชลประทานร้อยละ 30 ขณะที่อีกร้อยละ 10 อยู่นอกพื้นที่ระบบชลประทานซึ่งจะต้องดำเนินการจัดสรรให้แล้วเสร็จ รวมถึงอยากให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง ทำการเกษตรโดยคำนึงถึงห่วงโซ่ทั้งการผลิต และการจำหน่าย โดยไม่ใช่จะเป็นผู้ผลิตอย่างเดียว แต่ต้องมีการขยายไปสู่ธุรกิจและต้องสร้างการต่อรองให้สินค้ามีราคาที่ดี โดยเฉพาะการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์ ที่ขณะนี้รัฐบาลได้สั่งการให้มีการตรวจสอบระบบสหกรณ์ไทย ซึ่งมีทั้ง 7 ประเภท โดยใน 7 ประเภทนี้มีบางสหกรณ์ที่ดีและไม่ดี จึงต้องมีการปรับโครงสร้างใหม่ ขณะเดียวกันเกษตรกรจะต้องไม่ไปรับฟังข้อมูลที่บิดเบือน ทั้งนี้ การดำเนินการทุกอย่างจะต้องยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่หน้าที่ของรัฐก็จะต้องมีนโยบายสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ส่วนการให้เงินช่วยเหลือเกษตรกร ก็เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน ไม่ใช่นโยบายประชานิยม โดยคำนึงถึงการที่ประชาชนมีกินมีใช้
สำหรับการแก้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะต้องเป็นไปตามลำดับโดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ซึ่งใช้ลักษณะเดียวกับการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร เพราะแต่ละกระทรวงจะต้องรู้ผลงานของแต่ละบุคคล อีกทั้งยังมองว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำลังเน้นให้ประชาชนเป็นใหญ่ แต่ประชาชนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ใช้สิทธิเสรีภาพและหน้าที่อย่างสร้างสรร อย่าออกมามองหาแต่สิทธิของตนเองเพียงอย่างเดียวต้องรู้จักหน้าที่ของตนเองด้วย ขณะเดียวกัน กฎหมายมีไว้สำหรับลดความขัดแย้งให้คนอยู่ด้วยกัน โดยไม่ทะเลาะเบาะแว้ง และขณะนี้ประเทศกำลังจะดำเนินการการปฏิรูปทั้ง 11 ด้านเพื่อให้ทุกคนมีความสุข มีรายได้ที่เพียงพอ ส่วนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า หากต้องการทำประชามติ ต้องแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก่อน ซึ่งหากมีการเสนอเรื่องนี้เข้ามาแม่น้ำทั้ง 4 สายก็จะประชุมร่วมกัน หากเห็นชอบก็เสนอตามขั้นตอน และเมื่อมีการเลือกตั้ง ขอให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิและคำนึงถึงศักดิ์ศรี ไม่รับเงิน หรือให้ใครชักจูง
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใยประชาชนในการระวังพายุฤดูร้อน โดยเฉพาะช่วงที่ฝนตกหนัก อยากให้หาที่พักพิงที่แข็งแรง และขอให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดี จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมนิทรรศการวันเกษตรกร และพบปะพี่น้องเกษตรกร พร้อมถ่ายภาพกับเหล่าเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2558
กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th