พลตำรวจเอก อดุลย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ ที่ประชุมมีการสรุปผลรายงาน การติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาสตรีในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ.๒๕๕๕–๒๕๕๙)ระยะครึ่งแผน ที่จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำสรุปผลฯ ดังกล่าวไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการกำหนดนโยบายและมาตรการเพื่อส่งเสริมการพัฒนาสตรีต่อไป อีกทั้งมีการพิจารณาจัดทำหลักสูตรบทบาทหญิงชาย : ผลการศึกษาเรื่อง "มิติหญิงชายในระบบการศึกษาของไทย”โดยนำผลการศึกษาเกี่ยวกับมิติหญิงชายและความเสมอภาคหญิงชายภายในโรงเรียนมาประกอบการจัดทำหลักสูตรฯ ทั้งนี้ ได้นำเสนอ ผลการวิเคราะห์เนื้อหาและประเด็นหลักในแบบเรียนที่มีการใช้ในการเรียนการสอนของไทยตั้งแต่ระดับอนุบาลศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา จำนวน ๕๓๘ เล่ม รวมทั้งผลการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติและแนวทางการปฏิบัติของสถานศึกษาทุกระดับด้านมิติหญิงชายและความเสมอภาคหญิงชาย เพื่อเป็นข้อมูลในการเปลี่ยนเนื้อหาทางวิชาการในแบบเรียนและปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติของโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ครู นักเรียนหญิงและนักเรียนชายให้เกิดสภาพแวดล้อมทางการศึกษาที่เอื้อแก่การปลูกฝังค่านิยม ด้านความเสมอภาคหญิงชายแก่เยาวชนไทย อันเป็นเงื่อนไขสำคัญในการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มอบหมายกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.)ร่วมกันนำผลการศึกษาดังกล่าวไปใช้ในการจัดทำหลักสูตรบทบาทหญิงชายต่อไป
พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาข้อเสนอสมัชชาสตรีแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๘ ประกอบด้วย ๑)สตรีกับความยากจน มีการส่งเสริมการสร้างวินัยการออมให้กับประชาชนในประเทศ และการส่งเสริมสถานภาพสตรี (อาชีพ ทักษะชีวิต ความรู้)อย่างจริงจังและยั่งยืน ๒)ความรุนแรงต่อสตรี มีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัวอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพและคุณภาพการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนกับผู้ถูกกระทำความรุนแรงอย่างมีประสิทธิภาพ ๓)เด็กผู้หญิง มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาสถาบันครอบครัวและสถานศึกษาต้องให้โอกาสกับเด็กผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม ได้กลับมาเรียนจนจบการศึกษา อีกทั้งให้หน่วยงานภาครัฐใช้มาตรการในการควบคุมสื่อและสถานประกอบการต่างๆ อย่างเคร่งครัด ๔)ภาวะประชากรผู้สูงอายุ มีการเพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุ ขยายศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุครบทุกตำบลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน จัดสวัสดิการให้กับอาสาสมัครในชุมชนที่ดูแลผู้สูงอายุ และกระทรวงศึกษาธิการมีการกำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนให้นักเรียนมีจิตอาสาในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งทั้งหมด ที่ประชุมได้เสนอประเด็นเพิ่มเติมจากข้อเสนอสมัชชาสตรีแห่งชาติ เกี่ยวกับปัญหาการค้าหญิงและเด็ก โดยจะนำข้อเสนอดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการการกำหนดนโยบายในการส่งเสริมสถานภาพสตรีต่อไป
ที่มา: http://www.thaigov.go.th